วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

Talent โจทย์ใหญ่ที่ HR ต้องฟันฝ่า


โจทย์ใหญ่ในการบริหารบุคคลของบ้านเราเรื่องหนึ่งในห้วงหลายปีที่ผ่านมาที่ผมได้ฟังและติดตามจากแนวโน้มงาน HR (HR Trend) มาอย่างต่อเนื่องในหลายเวทีและคำแนะนำจากหลายองค์กรที่ปรึกษานั้นชี้เป้าไปยังเรื่องที่องค์กรจะประสบขาดกับภาวะขาดแคลนคนเก่ง (Talent) หรือพนักงานที่มีผลงานสูงและมีศักยภาพในการเติบโตเป็นผู้บริหารที่สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีให้แก่องค์กรในอนาคต (High Performance, High Potential) กับเรื่องการจัดการให้ Talent ก้าวเข้าสู่การวางแผนสืบทอดตำแหน่งบริหาร (Succession Plan) ซึ่งต่อเนื่องกัน ดังเมื่อปลายปี 2554 หลายปีก่อนที่ดีลอยท์ ทู้ช โธมัสสุ ไชยยศ ที่ปรึกษาธุรกิจชื่อดังแห่งหนึ่งที่ได้ทำการสำรวจบริษัทดำเนินธุรกิจในทวีปต่าง ๆ ที่มีรายได้ต่อไปตั้งแต่ 500 ล้านเหรียญดอลล่าร์ขึ้นไป กว่า 400 แห่งพบว่าผู้บริหารองค์กรที่สำรวจเหล่านี้กังวลอย่างยิ่งกับการพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership) และการสืบทอดตำแหน่ง (Succession) กับอยากให้ทำการปรับปรุงระบบบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) อย่างเร่งด่วน    

ที่สำคัญนั้นแนวโน้มการบริหาร HR ในหลายปีที่ผ่านมา ต่างชี้บ่งว่าการสรรหา Talent มาร่วมงานนั้น เป็นเรื่องใหญ่ที่องค์กรต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ด้วยเพราะคนที่เป็น Talent มักเป็นที่ต้องการขององค์กร และยากยิ่งนักที่องค์กรใดจะยอมปล่อยให้ Talent ภายในหลุดมือไปอยู่กับองค์กรอื่นได้  ตลาดแรงงานธุรกิจจึงเป็นหนึ่งสมรภูมิที่ต่างฝ่ายต่างองค์กรพยายามแย่งชิง Talent เข้าไปร่วมงานกับตัวเสริมทีม Talent  ที่เพียรพยายามสร้างกันขึ้นมาจากภายในให้ได้  

มองเจาะจงในเรื่องของการสรรหา Talent จากภายในองค์กรเรามักจะพบว่า ปัญหาของการหาคนเก่ง (Talent Acquisition) ไม่ได้หรือหาได้ยากนั้น ทางหนึ่งน่าจะเพราะองค์กรเองไม่สามารถแยก Talent  ออกจากคนที่มีผลงานปกติได้อย่างชัดเจน และมักจะไม่มีการกำหนดเส้นทางการเติบโตในอาชีพ (Career Path) กันอย่างชัดเจนนัก ส่งผลต่อเนื่องให้ Talent  ไม่มั่นใจในโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานจนต้องเปลี่ยนไปหาองค์กรอื่นที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า เรื่องเช่นนี้  เพราะไม่รู้จะทุ่มเทตั้งใจไปทำไม หรือหากจะทำงานก็มองไม่เห็นอนาคตตัวเองกับองค์กร ก็เกรงอยู่ต่อไปจะเสียเวลาพัฒนาประสบการณ์ชั้นเลิศให้กับตัวเอง จึงหาโอกาสแจ้งเจ้านายว่า “ขอลาออกไปเรียนต่อ”  ทั้งที่จริงคือได้งานใหม่ที่ตอบสนองตัวเองตรงกว่า (555)

เมื่อองค์กรสูญเสีย Talent จากภายใน ก็ต้องสรรหา Talent คนใหม่จากภายนอกเข้ามาเติม ทั้งที่ยากจะบอกว่าคนใหม่ที่จ่ายด้วยค่าตอบแทนงาม ๆ จ้างเข้ามานั้นจะปรับตัวให้เข้ากับองค์กรได้อย่างหสมกลมกลืนและสร้างผลงานที่ดีได้ตลอดรอดฝั่งได้หรือเปล่า แต่หากไม่หา Talent เข้ามางานอะไรที่ท้าทายก็คงไม่รุดหน้า หากไม่กล้าเสี่ยงคงไม่เกิดผลอะไรตามมา  

ในหลายองค์กรที่ตระหนักว่าการพัฒนาและธำรงรักษา Talent นั้นต้องใช้ทรัพยากรทั้งเวลา และการเงินอย่างมาก ได้กำหนดแนวปฏิบัติว่าเมื่อจะหาคนเก่งจากภายในจะเลือกจากกลุ่มคนที่เป็นกำลังสำคัญต่อธุรกิจเท่านั้น (Critical Workforce) ที่ก็มักจะเป็นตำแหน่งที่หาทดแทนได้ยาก (Hard-to-fill Position)  ด้วย  และต้องคัดเลือก Talent ในตำแหน่งสำคัญนั้นอย่างลงตัว ที่สุด พร้อมกับกำหนดให้การสรรหา Talent นี้เป็น KPI ของผู้บริหารระดับสูงที่จะกระจายลงมายังระดับรองแถวสองแถวสามตามลำดับ นัยว่างานนี้ต้องร่วมด้วยช่วยกันแบบปฏิเสธไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่ามีองค์กรอีกจำนวนไม่น่อยที่คัดเลือกคนเก่งจากทุกกลุ่มงานหรือสายงาน โดยเชื่อว่ายังมีคนเก่งมาหลากหลายมากเท่าใดก็ยิ่งดี

แต่จะเลือกแบบไหนก็คงต้อง customize ให้ตรงกับความต้องการและขีดความสามารถที่องค์กรจะดำเนินการได้ครับ และควรที่จะต้องคำนึงถึงการตอบสนองธุรกิจเป็นด้านหลักด้วย

ถัดมาที่อยากกล่าวถึงคือรูปแบบการพัฒนา Talent ที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือการจัดทำแผนพัฒนา Talent นี้เป็นรายบุคคล (Individual Development Plan - IDP) และด้วยวิธีการที่หลากหลายที่มักจะไม่ใช่การมุ่งแต่ฝึกอบรมในห้องเรียน (Classroom Training) เป็นแน่ เมื่อมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบกับ Talent แล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการประเมินผลงานของ Talent ที่หากองค์กรมีกรอบการประเมินทั้งส่วนของผลงานและส่วนของพฤติกรรมที่พึงประสงค์ตามหน้าที่งานแล้ว ก็เลือกนำมาใช้ได้เลยโดยอาจจะกำหนดระดับ Proficiency Level ในแต่ละรายการประเมินสูงขึ้นกว่ากลุ่มคนทำงานปกติ (Average Performance) อีกหนึ่งขั้น

เพื่อการันตีว่าทุกฝ่ายจะช่วยผลักดันให้การบริหาร Talent เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หลายองค์กรจะพัฒนา Talent ด้วยการมอบหมายให้เขาเหล่านั้นได้ทำงานตอบสนองการเติบโตทางธุรกิจที่ท้าทายสุด ๆ เช่น การแสวงหาธุรกิจใหม่ การรักษาฐานลูกค้า การลดอัตรา Churn Revenue ให้ได้ผล การแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partner) เพื่อร่วมลงทุนในสาขาที่มีศักยภาพในการเติบโตสร้างรายได้          

และที่ต้องไม่ลืมเลยคือการประเมินสมรรถนะเชิงการจัดการ/ผู้นำ (Managerial/Leadership Competency) พร้อมกับกำหนดและสื่อสารให้ชัดเจนว่า Talent นั้นถูกคาดหวังในเรื่องใด จะถูกวัดหรือประเมินผลงานอย่างไร ตามกรอบเวลาเท่าใดและภายใต้ตัวชี้วัดที่ท้าทายอย่างไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อให้ Talent มองภาพความสำเร็จของงานได้ตรงจุด และเป็นไปในแนวทางเดียวกับที่หัวหน้างานคาดหมาย

แผนการพัฒนารายบุคคล (IDP) และการประเมินที่ชัดเจน สมเหตุสมผลกับการจ่ายค่าตอบแทนให้กับ Talent และมีช่องทางการเติบโตตามสายอาชีพที่ชัดเจนได้รับการสื่อสารบอกกล่าวกันตั้งแต่ต้นมือนี้ เป็นสิ่งที่จูงใจให้ Talent อยู่กับองค์กรต่อไปได้ดียิ่งนัก

ทำได้แบบนี้ ทั้ง Talent และองค์กรต่างก็ชอบใจที่ได้แลกเปลี่ยนกันอย่างแฟร์ ๆ และเชื่อแน่ว่า Talent จะไม่หนีหายไปอยู่กับคู่แข่งให้เราช้ำน้ำใจเล่น

เร่งทำเถิดครับ เวลาไม่เคยคอยใครไม่ว่าจะมีสารพัดเหตุผลอธิบาย  m

ทั้งนี้ แนะนำให้อ่านบทความเรื่อง “ไขโจทย์ใหญ้ผู้บริหาร ปลดล๊อคปัญหาคลาสสิค” ใน Manager Online วันที่ 23 มีนาคม 2555 ดูประกอบกันครับ

หมั่นเสริมเติมความรู้ ลับคมมุมมองและฝึกฝนทักษะของเราให้มากเข้าไว้ รับรองได้ขึ้นชื่อว่าเป็น HR มืออาชีพแน่แท้ครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น