วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559

สิ่งที่ควรทำเมื่อพลาดการปรับตำแหน่ง


เป็นธรรมดาอยู่เองที่มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายต่างคาดหวังการเติบโตก้าวหน้าในอาชีพการงาน ซึ่งสะท้อนได้เป็นรูปธรรมจากการได้ขึ้นเงินเดือนประจำปีและการได้รับปรับตำแหน่ง (Promotion) ไปสู่หน้าที่ใหม่ที่สูงขึ้น

แต่แทบทุกปี จะมีมนุษย์เงินเดือนในองค์กรกลุ่มหนึ่งที่สมหวัง กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ผิดหวังจากการไม่ได้รับปรับตำแหน่งดังคาดไว้ ก็น้อยใจว่าหัวหาไม่แฟร์  พอถามหัวหน้าไปเพื่อขอคำอธิบายว่ามีเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร  หัวหน้าบางคนก็อึกอักแล้วไปอ้างความเหมาะสม หรืออ้างว่ามีอำนาจพิจารณา ความคลุมเครือเช่นนี้ อาจจะส่งผลให้พนักงานจำนวนหนึ่งเสียความรู้สึก เปลี่ยนนามสกุลเป็น “หลีกกันไกล” คือห่างหน้าหายตาไปจากหัวหน้าไปเลย จากที่เคยตั้งใจทำงาน มีผลงานนำเสนอก็กลายเป็นไม่ใส่ใจงาน เช้าชามเย็นชาม ทำงานแบบขอไปที ถามคำตอบคำ นัยว่าอยากตอบแทนหัวหน้าให้สาสม (หรือเปล่า 555....) ซึ่งเรื่องทำนองนี้จะบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องระแวดระวังกันให้มาก

ในองค์กรที่กำหนดเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพไว้อย่างเป็นระบบหน่อย ปัญหาตัวอย่างที่ผมกล่าวถึงก็คงไม่พบเจอกัน เพราะมักจะมีเงื่อนไขกำกับการใช้ดุลยพินิจของหัวหน้าตามสมควร แต่กับองค์กรที่ไม่ค่อยมีระบบและหลักเกณฑ์หลักการเป็น guideline ชัดเจน การต้องพึ่งพาดุลยพินิจของหัวหน้าก็เป็นเรื่องปกติที่พอเห็นกันได้เสมอ  ความไม่สบายใจของพนักงานที่เก่งแต่ชเลียร์ไม่เป็นก็จะมีสูงยิ่ง ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของคนทำงานไม่น้อย

แต่ผมจะไม่ชวนคุยเรื่องนี้หรอกครับ เพราะน่าจะเป็นงานที่ HR ต้องว่ากันไป

โดยอยากจะชวนท่านที่พลาดโอกาสปรับตำแหน่งมาคิดในมุมใหม่ ปรับใจและทำอะไรบางอย่างเพื่อรอไว้รอบหน้าฟ้าใหม่ เชื่อว่าน่าจะได้ประโยชน์ไม่น้อย มาลองติดตามกันครับ

เมื่อท่านพลาดโอกาสปรับตำแหน่ง ไม่ว่าจะด้วยหัวหน้า “no see head” (555...) ยกตำแหน่งให้คนอื่น หรือว่าองค์กรไม่มีนโยบายปรับตำแหน่งในปีนั้นก็ตาม ขอให้ท่านตั้งสติอย่าคิดโทษหรือทำร้ายตัวเองด้วยการเปลี่ยนทัศนคติไปคิดลบ หรือว่าเปลี่ยนนิสัยไปทำอะไรแย่ ๆ ออกมา ทั้งไม่ควรไปดูเบาจนทอนความมั่นใจในตัวเอง และต้องไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์หัวหน้ากับบุคคลที่สาม  เช่น “ใช่สิ ฉันไม่ใช่ลูกน้องสุดรักนี่”  เพราะเรื่องแบบนี้มักมันส์สสสสปาก แต่ไม่เข้าท่าเลย

และสะท้อนให้เห็นว่าเรายังขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์หรือยัง “นิ่งไม่พอ”

สุดท้ายคนที่ได้รับผลลัพธ์แบบไร้ความสุข ขาดสีสัน จิตตก หรืออะไรทั้งหลายจากการคิดและปฏิบัติเช่นนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเราเอง

ลองเอาใหม่สิครับ !!!

ลองหันมาวิเคราะห์ตัวเอง ด้วยการตั้งคำถามง่าย ๆ ถึงเหตุที่ยังไม่ได้รับการปรับตำแหน่ง พร้อมกับเปิดใจตอบคำถามนั้นอย่างเป็นธรรมกับตัวเองในเรื่องต่อไปนี้ครับ

  1. เป็นเพราะเรายังทำงานได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือตัวชี้วัดผลงานที่กำหนดไว้หรือเปล่า ?
  2. เป็นเพราะเรายังทำงานไม่ได้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในใบกำหนดหน้าที่งาน (Job Description) หรือไม่ ?
  3. เป็นเพราะเรายังขาดความรู้ ทักษะและพฤติกรรมหรือที่เรียกกันภาษา HR ว่า Competency ในเรื่องใด ข้อใดหรือไม่ ? 
  4. เป็นเพราะเรามีจุดอ่อนที่กระทำกับงานหรือทำให้งานที่รับผิดชอบไม่เป็นไปตามเป้าหมายในเรื่องใดหรือไม่ ?  

โดยเฉพาะคำถามข้อ 2) นั้นเป็นคำถามที่ผมอยากให้ท่านได้มองช่องว่าง (gap) ของความสามารถของตัวเอง หากจะให้ดีก็เปรียบเทียบกับคุณสมบัติทั้งหลายที่จำเป็นต้องมีตามตำแหน่งงาน ซึ่งระบุไว้ในใบกำหนดหน้าที่งาน (Job Description) เพื่อจะได้มองตัวเองให้รอบคอบมากขึ้นครับ

อีกทางหนึ่งนั้นพึงมองว่าเรามีจุดแข็งหรือศักยภาพในเรื่องใดบ้างที่อาจจะนำไปใช้กับการทำงานแล้วได้คุณค่าและสร้างผลลัพธ์ที่ดีออกมาให้หน่วยงานและองค์กรในภายนี้และภายหน้า

เมื่อได้พิจารณาเรื่องเหล่านี้อย่างถ้วนถี่แล้ว ก็ให้มีจัดทำแผนพัฒนาตัวเอง (Self Development Plan) หรือที่ท่านอาจจะได้ยินว่า แผนพัฒนารายบุคคล (Individual Development Plan) โดยวางแผนให้ตอบครบทุกหัวข้อต่อไปนี้

  1. ความรู้ ทักษะและพฤติกรรมเรื่องใดที่ต้องการพัฒนา
  2. ความรู้ ทักษะและพฤติกรรมที่ต้องการพัฒนานั้นจะทำด้วยวิธีการใดจึงจะได้ผล และใครที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้บ้าง
  3. ใช้ระยะเวลาการพพัฒนาในแต่ละเรื่องของความรู้ ทักษะและพฤติกรรมนานเท่าใด
  4. ผลลัพธ์ที่ต้องการและตัวชี้วัดเพื่อสะท้อนความสำเร็จหรือการบรรลุผลลัพธ์ ที่ต้องการมีอะไรบ้าง

เมื่อวางแผนพัฒนาตัวเองแล้ว ขั้นตอนที่ยากที่สุดและลำบากอย่างมากที่ท่านต้องผ่านมันไปให้ได้คือการ “ลงมือ” พัฒนาตัวเองตามแผนที่กำหนดไว้ และทำมันอย่างสม่ำเสมอ

หากความรู้ที่ท่านต้องการเพิ่มเติมทำได้ด้วยการค้นคว้าอ่านหนังสือท่านก็ควรต้องตั้งมั่นและมีวินัยกับการอ่านหนังสือเพื่อให้รู้จริง และหากทักษะที่ขาดไปนั้นเพิ่มพูนได้ด้วยการฝึกฝน (practicing) ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน พร้อมกับขอรับคำแนะนำและสะท้อนกลับผลงาน (feedback) ก็ต้องทำเช่นนั้นอย่างคงเส้นคงวา จึงจะเกิดผลอย่างคาดหวังได้

สำคัญตรงที่อย่าท้อแล้วล้มเลิกการทำตามความตั้งใจดีดีไปกลางคัน เพราะต้องยอมรับก่อนว่าการพัฒนาตัวเองให้ได้ผลต้องอาศัยการมีวินัยและความตั้งใจอย่างแรงกล้า

หากทำได้เช่นนี้ ตำแหน่งใหม่ที่ใหญ่ขึ้นในปีหน้า ย่อมอยู่ไม่ไกลจะไปถึงครับ

ติดตามบทความอื่นที่น่าสนใจได้ใน http://chatchawal-ora.blogspot.com/

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น