ผมเชื่อว่าคนทำงานทุกคนจะเคยเกิดไอเดียหรือความคิดดีดีกับงานที่เราทำกันอยู่บ้าง
เช่นคิดว่าจะปรับปรุงงานที่ทำอยู่อย่างไรจึงจะรวดเร็วขึ้น
ลดขั้นตอนการทำงานตรงจุดใดบ้างที่จะไม่ต้องไปรอบางจุดให้เสียเวลา เป็นต้น
แต่ลองถามตัวเองดูสิครับว่ามีกี่ครั้งที่เราลงมือทำจริงกับไอเดียบรรเจิดที่ผุดขึ้นมา
ว่ากันตามจริง
เหตุผลที่คนจำนวนไม่น้อยไม่ค่อยก้าวหน้าในอาชีพการงานสักเท่าใดนั้นน่าจะมีสองอย่างคือคิดไม่ได้หรือไม่ได้คิด
กับคิดได้แล้วแต่ไม่ได้ลงมือทำ
อย่างแรกที่ว่าคิดไม่ได้นั้น
อาจจะเพราะด้วยอ่อนประสบการณ์ ขาดความรู้ที่เพียงพอซึ่งก็พอทนกันได้
แต่ที่รับไม่ไหวคือไม่ได้คิดเลย ซึ่งก็มักจะเกิดจากความเกียจคร้าน ไม่ใคร่สนใจ
ไม่ใส่ใจ ไม่นำพาที่จะคิดอะไรให้เกิดประโยชน์ออกมา
อีกอย่างคือคิดแล้วแต่ไม่ได้ลงมือทำ
หรือไม่กล้าที่จะลงมือทำนั้น ว่าไปแล้วก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเหตุอย่างแรกมากนัก
เพราะไม่ได้ทำให้เกิดผลลัพธ์อะไรออกมาเช่นกัน
เพียงแต่ดีหน่อยที่ได้คิดอะไรสักอย่างที่ประเทืองปัญญาบ้าง พอไม่ทำแล้วจึงนับว่า
“น่าเสียดายของ !!” ครับ
สังเกตจะพบว่า
อภิมหาอมตะนิรันดร์กาลข้ออ้างที่ฉุดให้เราคิดแล้วไม่ได้ลงมือทำหรือไม่กล้าทำนั้นก็มีเพียงแต่การดูเบาว่าตัวเองทำไม่ได้
ไม่มั่นใจผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้หรือเปล่า รวมทั้งความลังเลไม่แน่ใจ
และความกลัวสารพัดเช่น กลัวผิดพลาด กลัวหัวหน้าดุ
กลัวกระทบคนอื่นจนเสียความสัมพันธ์ เป็นต้น
แบบนี้ แก้ไขได้ไม่ยากด้วยการ “ลงมือทำทันที” เท่านั้นครับ
คนเป็นมืออาชีพที่เขาก้าวหน้าในอาชีพการงานนั้น
แม้คิดได้เพียงเรื่องเดียวเขาก็จะลองลงมือทำดูให้เกิดผล
ตรงข้ามกับคนที่ไม่ค่อยมืออาชีพจะชอบคิดสารพัดเรื่อง ไอเดียกระฉูดทุกขณะจิตแต่กลับไม่ลงมือทำให้เกิดผลสักเรื่อง
คนแบบหลังนี้จึงมักจะ “ดีแต่ตั้งท่า”
หาความสำเร็จในงานได้ยากนัก
สู้ลงมือทำแม้เพียงเรื่องเดียวไม่ได้
เพราะแม้จะลงมือทำแล้วล้มเหลว ก็ยังถือว่าลงมือทำและได้ประสบการณ์แล้ว หากเขาได้ทดลองทำใหม่ในวิธีการอื่นที่ได้ปรับปรุงจากบทเรียนความล้มเหลวที่ได้รับแล้ว
ก็จะยิ่งดีกันไปใหญ่ จริงมั้ยครับ
ข้อที่น่ารู้เรื่องหนึ่งมีอยู่ว่า
คนทำงานมืออาชีพนั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบที่จะทำอะไรสำเร็จได้เสียทุกเรื่องหรวกนะครับ
จึงไม่ใช่ทุกไอเดียที่เขาคิดออกมาแล้วลงมือทำจะสำเร็จผลเสมอ
สำคัญอยู่ตรงที่เวลาเขาเจอความผิดพลาดหรือล้มเหลวจากการที่ลงมือทำไป
เขาจะไม่รีรอที่จะหาทางแก้ไข หาแนวทางหรือทางเลือกใหม่ ๆ และลงมือทำอีกครั้งโดยไม่รีรอบุญกรรม
มาเป็นมืออาชีพจากการลงมือทำความคิดบรรเจิดของเราให้เกิดผลกันดีกว่าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น