หนึ่งในวันที่มนุษย์เงินเดือนจะรู้สึก Fin ที่สุดเห็นจะได้แก่วันเงินเดือนออก
และวันโบนัสออก แม้ว่าจะ Fin ได้ไม่นานเพราะรายจ่ายรออยู่ตั้งแต่กลางเดือนแล้ว
และบางรายก็ใช้เงินอนาคตผ่านบัตรเครดิตต่าง ๆ
ไปหลายเดือนจนทุกวันนี้ต้องผ่อนบัตรกันจนเครียดก็ตาม
ก็ต้องยอมรับว่าวันเงินเดือนออกและวันโบนัสออกนี้
ชวนให้หัวใจกระชุ่มกระชวย อยากจะทำงานต่อไป อยากบุกบั่นทำงานจังเลย (สำหรับบางคนนะ
555)
แต่ก็ยอมรับอยู่ว่าจะมีพนักงานจำนวนหนึ่งและไม่น้อยคนที่ฝันสลายเพราะไม่ได้โบนัสอย่างที่คาดไว้
ที่ว่าไม่ได้นี้หมายถึงทั้ง “ไม่ได้เลย” และ “ได้ต่ำกว่าที่คิดไว้” กลายเป็นผิดคาด กระเทือนซางกันมาก หมดอารมณ์ทำงาน หมดใจกับการจะบุกบั่นทำงานใหม่
ๆ
ใจก็เลยไม่เป็นสุข หลายคนถึงขั้นอยากจะเปลี่ยนงานใหม่กันไปเสียเลย
ผมอยากให้ข้อคิดในการมองโบนัสที่ได้รับมาไม่ว่าจะได้ตามคาดหรือต่ำกว่าคาดก็ตาม
เพื่อให้ได้ย้อนทบทวนให้ “ใจร่ม” หรือสบายใจขึ้นมาหน่อย ลองคิดตามไปนะครับ
1) โบนัสนั้นจ่ายตามผลประกอบการและผลงานของเรา
แปลง่าย ๆ ได้ว่าหากยอดขายดีและมีกำไร
หรือเติบโตตามเป้า องค์กรพอมีเงินเหลือที่จะแบ่งสรรปันส่วนจ่ายให้พนักงานได้เราก็ได้โบนัส
หากปีใดยอดขายต่ำเป้า ผลประกอบการย่ำแย่
ไหนเลยองค์กรจะมีเงินมาจ่ายโบนัสหรือจะจ่ายได้มากอย่างที่เคยจ่ายในปีก่อน ๆ ได้ อย่าลืมว่าการจะได้เงินโบนัสมากหรือน้อยนั้นอิงอยู่กับผลประกอบการส่วนหลัก
แม้อีกส่วนหนึ่งนั้นอิงกับผลงานของเราเอง แต่ก็มิใช่ว่าผลงานเยี่ยมแล้วจะได้โบนัสหากผลประกอบการในภาพรวมตกต่ำลง
เช่นนี้แล้วก็อย่าสร้างกับดักหรือสร้างมาตรฐานว่าทำงานแล้วทุกปีจะต้องได้โบนัสทุกปี
เพราะที่จริงแล้วโบนัสนั้นเป็นอะไรที่จีรังยั่งยืน ปีนี้จ่ายมาก ปีหน้าจ่ายน้อย เศรษฐกิจถดถอยไม่จ่ายก็เป็นได้ครับ
2) ไม่ได้โบนัสไม่ได้หมายถึงไม่มีผลงานเสมอไป
ขอให้คิดเสียว่าโบนัสนั้นองค์กรจ่ายเพิ่มให้จากเงินเดือนที่ว่าจ้างกันตามสัญญาจ้างเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนการทุ่มเทตั้งใจอุทิศตนกับการทำงาน
และการที่เราไม่ได้โบนัสไม่ได้หมายถึงเราไม่ตั้งใจทำงาน แต่อาจจะเพราะเป้าหมายภาพรวมขององค์กรไม่บรรลุอย่างที่วางไว้เป็นเหตุหลัก
ขอให้คิดเสียว่า “ดีเสียอีกที่เราแม้จะได้โบนัสน้อยหรือไม่ได้แต่ยังคงมีงานทำต่อไป”
โบนัสได้มาเท่าไรก็ต้องยอมรับให้ได้
3) ไม่โยนบาปใคร
พอไม่ได้โบนัสอย่างที่คาดไว้
หลายคนตีโพยตีพายไปว่าหัวหน้าไม่เป็นธรรม โยนบาปไปให้คนอื่นทั้งที่คนอื่นนั้นก็ประสบภาวะไม่ต่างกันมากนัก
น่าคิดว่าทำไปต้องโยนบาปคนอื่นกันให้วุ่น คนอื่นมีผลกับโบนัสของเราเหนือกว่าเราทุกเรื่องเชียวหรือ
โดยเฉพาะหากหัวหน้าเลือกจ่ายให้เราน้อยทั้งที่เราผลงานดีกว่าอีกคน เรามั่นใจได้อย่างไรว่าผลงานเราดีกว่าคนอื่นเขา
จริงอยู่ผลการประเมินเราอาจจะดี แต่ดีเพราะเราทำงานอย่างเดียว
ขณะที่คนที่ผลงานน้อยกว่าหน่อย
แต่ทำงานใหญ่ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้างานมาหลายเรื่องหลายครั้ง เช่นนี้
ผลงานเพื่อนอาจจะน้อยกว่าเราที่คิดแต่รับรองได้ว่าเพื่อนทำงานหลากหลายและมักจะได้คุณค่ามากกว่า
4) ตั้งคำถามกับสิ่งที่ผ่านมา
หากได้โบนัสน้อยหรือไม่ได้โบนัส
แทนที่จะว้าวุ่นใจ ปั่นป่วนงานหรือโวยวายกับใคร ควรมองว่านี่คือโอกาสที่จะได้ทบทวนตัวเองอะไรบางอย่าง
ขอให้หันกลับมาตั้งคำถามแบบบวก ๆ กับตัวเองให้มากว่าเรายังทำงานเรื่องใดที่ไม่ได้ผลตามเป้า
เรายังขาดทักษะเรื่องใดที่ต้องพัฒนาเร่งด่วนหรือเปล่า
มีวิธีการทำงานอะไรที่ควรต้องปรับเพื่อทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นบ้างหรือไม่ การคิดหาคำตอบของคำถามเช่นที่ยกตัวอย่างมานี้
จะช่วยเยียวยาความไม่สบายใจของเราไปได้มาก และเชื่อว่าจะให้เห็นบางมุมในตัวเราถี่ถ้วนมากขึ้นครับ
5) ไม่ประชดด้วยการช้อปกระจาย
หลายคนพอไม่สบายใจก็ช้อปปิ้งกันกระจาย
รูดบัตรเครดิตกันสุดตัวเพราะเข้าใจว่าการช้อปปิ้งจะคลายทุกข์ได้ ตรงกันข้าม
ทุกข์เก่าอาจจะคลายไปบ้าง แต่ทุกข์ใหม่หนักหนาตามมา เพราะรูดปื๊ด ๆ จะกลายเป็นภาระหนี้ผูกพันในวันหน้ามหาศาล
ขอให้เตือนสติตัวเองตรงนี้สักหน่อยนะครับ
6) วางแผนค่าใช้จ่ายกันใหม่
หลายคนคาดเดาไปเองว่าจะได้รับโบนัสก้อนโต
เลยจ่ายเงินอนาคตซื้อของใช้สารพันกันเต็มบ้านไปหมด แต่พอเปิดสลิปเงินเดือนดูถึงกับช๊อค
เพราะมองเห็นหนี้ก้อนโตกว่าเงินที่จะจ่ายไปได้ เมื่อเป็นแบบนี้ ต้องรีบวางแผนปรับค่าใช้จ่ายกันเสียใหม่เพื่อไม่ให้ชีวิตสะดุด
เน้นการจ่ายในเรื่องที่จำเป็นก่อน
ที่แนะไปนี้ล้วนเป็นเรื่องอยากให้เราได้มองโลกจากความเป็นจริง
ไม่ติดกับภาพลวงตาว่าจะต้องได้โบนัสทุกปี
หรือเห็นเพื่อนเห็นองค์กรอื่นประกาศจ่ายโบนัสแล้วเราจะต้องได้เหมือนคนอื่นเขา และมองสรรพสิ่ง (โบนัส) นั้นในทางบวก
เพื่อสร้างแรงจูงใจ เตรียมจิตใจปรับทัศนคติใหม่ให้ยอมรับและเข้าใจมันได้ในทางที่ไม่ทำลายกำลังใจในการทำงานของตัวเอง ไม่เศร้าหมองเสียจนส่งผลกระทบให้งานไม่เดิน หรือตัดพ้อต่อว่าหัวหน้า
เบื่อหน่ายองค์กร เพราะนั่นจะทำให้เงินในอนาคตอาจจะไม่มาอย่างที่คิดอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตราบเท่าที่เรายังทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่
เรื่องโบนัสจะได้มากน้อยนั้นเป็นเรื่องที่แปรผันไปตามเงื่อนไขปัจจัยหลายอย่าง
แต่สิ่งที่แน่นอนคือผลงานที่ดีของเรา จะการันตีได้ว่าหากองค์กรประกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น