วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

มองโบนัสในมุมใหม่ให้ “ใจร่ม”


หนึ่งในวันที่มนุษย์เงินเดือนจะรู้สึก Fin ที่สุดเห็นจะได้แก่วันเงินเดือนออก และวันโบนัสออก แม้ว่าจะ Fin ได้ไม่นานเพราะรายจ่ายรออยู่ตั้งแต่กลางเดือนแล้ว และบางรายก็ใช้เงินอนาคตผ่านบัตรเครดิตต่าง ๆ ไปหลายเดือนจนทุกวันนี้ต้องผ่อนบัตรกันจนเครียดก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าวันเงินเดือนออกและวันโบนัสออกนี้  ชวนให้หัวใจกระชุ่มกระชวย อยากจะทำงานต่อไป อยากบุกบั่นทำงานจังเลย (สำหรับบางคนนะ 555)

แต่ก็ยอมรับอยู่ว่าจะมีพนักงานจำนวนหนึ่งและไม่น้อยคนที่ฝันสลายเพราะไม่ได้โบนัสอย่างที่คาดไว้ ที่ว่าไม่ได้นี้หมายถึงทั้ง “ไม่ได้เลย” และ “ได้ต่ำกว่าที่คิดไว้”  กลายเป็นผิดคาด กระเทือนซางกันมาก  หมดอารมณ์ทำงาน หมดใจกับการจะบุกบั่นทำงานใหม่ ๆ

ใจก็เลยไม่เป็นสุข หลายคนถึงขั้นอยากจะเปลี่ยนงานใหม่กันไปเสียเลย

ผมอยากให้ข้อคิดในการมองโบนัสที่ได้รับมาไม่ว่าจะได้ตามคาดหรือต่ำกว่าคาดก็ตาม เพื่อให้ได้ย้อนทบทวนให้ “ใจร่ม” หรือสบายใจขึ้นมาหน่อย ลองคิดตามไปนะครับ

1) โบนัสนั้นจ่ายตามผลประกอบการและผลงานของเรา 

แปลง่าย ๆ ได้ว่าหากยอดขายดีและมีกำไร หรือเติบโตตามเป้า องค์กรพอมีเงินเหลือที่จะแบ่งสรรปันส่วนจ่ายให้พนักงานได้เราก็ได้โบนัส  หากปีใดยอดขายต่ำเป้า ผลประกอบการย่ำแย่ ไหนเลยองค์กรจะมีเงินมาจ่ายโบนัสหรือจะจ่ายได้มากอย่างที่เคยจ่ายในปีก่อน ๆ ได้  อย่าลืมว่าการจะได้เงินโบนัสมากหรือน้อยนั้นอิงอยู่กับผลประกอบการส่วนหลัก แม้อีกส่วนหนึ่งนั้นอิงกับผลงานของเราเอง แต่ก็มิใช่ว่าผลงานเยี่ยมแล้วจะได้โบนัสหากผลประกอบการในภาพรวมตกต่ำลง

เช่นนี้แล้วก็อย่าสร้างกับดักหรือสร้างมาตรฐานว่าทำงานแล้วทุกปีจะต้องได้โบนัสทุกปี เพราะที่จริงแล้วโบนัสนั้นเป็นอะไรที่จีรังยั่งยืน ปีนี้จ่ายมาก ปีหน้าจ่ายน้อย  เศรษฐกิจถดถอยไม่จ่ายก็เป็นได้ครับ  

2) ไม่ได้โบนัสไม่ได้หมายถึงไม่มีผลงานเสมอไป

ขอให้คิดเสียว่าโบนัสนั้นองค์กรจ่ายเพิ่มให้จากเงินเดือนที่ว่าจ้างกันตามสัญญาจ้างเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนการทุ่มเทตั้งใจอุทิศตนกับการทำงาน และการที่เราไม่ได้โบนัสไม่ได้หมายถึงเราไม่ตั้งใจทำงาน แต่อาจจะเพราะเป้าหมายภาพรวมขององค์กรไม่บรรลุอย่างที่วางไว้เป็นเหตุหลัก

ขอให้คิดเสียว่า “ดีเสียอีกที่เราแม้จะได้โบนัสน้อยหรือไม่ได้แต่ยังคงมีงานทำต่อไป”  โบนัสได้มาเท่าไรก็ต้องยอมรับให้ได้

3) ไม่โยนบาปใคร

พอไม่ได้โบนัสอย่างที่คาดไว้ หลายคนตีโพยตีพายไปว่าหัวหน้าไม่เป็นธรรม โยนบาปไปให้คนอื่นทั้งที่คนอื่นนั้นก็ประสบภาวะไม่ต่างกันมากนัก  น่าคิดว่าทำไปต้องโยนบาปคนอื่นกันให้วุ่น  คนอื่นมีผลกับโบนัสของเราเหนือกว่าเราทุกเรื่องเชียวหรือ โดยเฉพาะหากหัวหน้าเลือกจ่ายให้เราน้อยทั้งที่เราผลงานดีกว่าอีกคน  เรามั่นใจได้อย่างไรว่าผลงานเราดีกว่าคนอื่นเขา จริงอยู่ผลการประเมินเราอาจจะดี แต่ดีเพราะเราทำงานอย่างเดียว ขณะที่คนที่ผลงานน้อยกว่าหน่อย แต่ทำงานใหญ่ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้างานมาหลายเรื่องหลายครั้ง เช่นนี้ ผลงานเพื่อนอาจจะน้อยกว่าเราที่คิดแต่รับรองได้ว่าเพื่อนทำงานหลากหลายและมักจะได้คุณค่ามากกว่า

4) ตั้งคำถามกับสิ่งที่ผ่านมา

หากได้โบนัสน้อยหรือไม่ได้โบนัส แทนที่จะว้าวุ่นใจ ปั่นป่วนงานหรือโวยวายกับใคร ควรมองว่านี่คือโอกาสที่จะได้ทบทวนตัวเองอะไรบางอย่าง ขอให้หันกลับมาตั้งคำถามแบบบวก ๆ กับตัวเองให้มากว่าเรายังทำงานเรื่องใดที่ไม่ได้ผลตามเป้า  เรายังขาดทักษะเรื่องใดที่ต้องพัฒนาเร่งด่วนหรือเปล่า มีวิธีการทำงานอะไรที่ควรต้องปรับเพื่อทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นบ้างหรือไม่  การคิดหาคำตอบของคำถามเช่นที่ยกตัวอย่างมานี้ จะช่วยเยียวยาความไม่สบายใจของเราไปได้มาก และเชื่อว่าจะให้เห็นบางมุมในตัวเราถี่ถ้วนมากขึ้นครับ  

5) ไม่ประชดด้วยการช้อปกระจาย

หลายคนพอไม่สบายใจก็ช้อปปิ้งกันกระจาย รูดบัตรเครดิตกันสุดตัวเพราะเข้าใจว่าการช้อปปิ้งจะคลายทุกข์ได้ ตรงกันข้าม ทุกข์เก่าอาจจะคลายไปบ้าง แต่ทุกข์ใหม่หนักหนาตามมา เพราะรูดปื๊ด ๆ จะกลายเป็นภาระหนี้ผูกพันในวันหน้ามหาศาล

ขอให้เตือนสติตัวเองตรงนี้สักหน่อยนะครับ   

6) วางแผนค่าใช้จ่ายกันใหม่

หลายคนคาดเดาไปเองว่าจะได้รับโบนัสก้อนโต เลยจ่ายเงินอนาคตซื้อของใช้สารพันกันเต็มบ้านไปหมด  แต่พอเปิดสลิปเงินเดือนดูถึงกับช๊อค เพราะมองเห็นหนี้ก้อนโตกว่าเงินที่จะจ่ายไปได้ เมื่อเป็นแบบนี้ ต้องรีบวางแผนปรับค่าใช้จ่ายกันเสียใหม่เพื่อไม่ให้ชีวิตสะดุด เน้นการจ่ายในเรื่องที่จำเป็นก่อน  

ที่แนะไปนี้ล้วนเป็นเรื่องอยากให้เราได้มองโลกจากความเป็นจริง  ไม่ติดกับภาพลวงตาว่าจะต้องได้โบนัสทุกปี หรือเห็นเพื่อนเห็นองค์กรอื่นประกาศจ่ายโบนัสแล้วเราจะต้องได้เหมือนคนอื่นเขา  และมองสรรพสิ่ง (โบนัส) นั้นในทางบวก เพื่อสร้างแรงจูงใจ เตรียมจิตใจปรับทัศนคติใหม่ให้ยอมรับและเข้าใจมันได้ในทางที่ไม่ทำลายกำลังใจในการทำงานของตัวเอง  ไม่เศร้าหมองเสียจนส่งผลกระทบให้งานไม่เดิน หรือตัดพ้อต่อว่าหัวหน้า เบื่อหน่ายองค์กร เพราะนั่นจะทำให้เงินในอนาคตอาจจะไม่มาอย่างที่คิดอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตราบเท่าที่เรายังทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ เรื่องโบนัสจะได้มากน้อยนั้นเป็นเรื่องที่แปรผันไปตามเงื่อนไขปัจจัยหลายอย่าง แต่สิ่งที่แน่นอนคือผลงานที่ดีของเรา จะการันตีได้ว่าหากองค์กรประกา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น