วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559

ฟังอย่างตั้งใจคือการส่งผ่านความรู้สึกดีดีที่น่ารักให้กับคนพูด

ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills) เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่จะต้องหมั่นฝึกฝนให้ดีคงหนีไม่พ้นการฟัง (Listening) บางท่านอาจจะบอกว่าเรื่องแบบนี้ได้ฟังมาบ่อยครั้งแล้ว ซึ่งผมก็เชื่ออย่างนั้น แต่ก็น่าสนใจว่า ทั้งที่การฟังเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยแต่ทำไมเรายังฟังคนอื่นได้ไม่ค่อยดีเพียงพอนัก
แถมหลายครั้งพอฟังกันไปก็ชวนให้ขัดข้องหมองใจกันตามหลัง ตัวอย่างเช่นขณะที่ฟังเราก็ยังพูดขัดจังหวะอีกฝ่ายที่ยังพูดไม่จบ
การฟังที่ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ธรรมดาของคนเราที่ไม่ค่อยได้ฝึกฝนทักษะการฟังอย่างจริงจังมีกจะชอบประกาศความคิดตัวเองออกมาให้คนอื่นรู้ด้วยการพูดเป็นหลัก  ธรรมชาติของคนจึงอยากที่จะพูดมากกว่าอยากที่จะฟังทั้งที่คนเรามีหูสองข้างเอาไว้ฟัง และมีปากเพียงหนึ่งเอาไว้พูด แสดงว่าธรรมชาติสร้างมาให้เราฟังมากกว่าพูด  ซึ่งเราก็รู้ข้อดีกันดี
บางคนเข้าใจไปว่ายิ่งตัวเองพูดมากเท่าไรก็ยิ่งแสดงว่ามีความรู้มากเท่านั้น บางคราวคนอื่นพูดมายังไม่ทันทีก็สวนตอบกลับไปแบบไม่สนใจสารที่เขาสื่อออกมาแม้แต่น้อย บรรยากาศการพูดคุยแบบนี้ คงอ่อนเพลียละเหี่ยใจน่าดูนะครับ
ผมได้เรียนรู้มาว่าเวลาที่คนเราพูดสิ่งใดออกมานั้น หมายถึงเขากำลังจัดระเบียบความคิดอ่านของตัวเองเพื่อนำเสนอออกมาเป็นการพูด การรับฟังอย่างตั้งใจของเราจึงช่วยให้เขาได้นำเสนอความคิดอ่านออกมาจนครบถ้วนกระบวนความ เมื่อเป็นเช่นนี้ การพูดสวนขัดจังหวะขณะคนอื่นพูด จึงเป็นอะไรที่ไม่ดีทั้งในแง่การเสียมรรยาทและทำลายการเรียบเรียงและนำเสนอความคิดของคนอื่นที่พูดกับเราอย่างที่ไม่น่าจะทำ 
ผมมีประสบการณ์กับตัวเองว่าการฟังอย่างเงียบ ๆ และตั้งอกตั้งใจ จึงเป็นอะไรที่ไม่เพียงทำให้เราได้สารครบถ้วนจึงทั้งเนื้อสารและความรู้สึกที่แฝงมากับสาร กิริยาอาการและภาษากายที่ผู้พูดแสดงออกมาระหว่างนั้น แต่ยังเป็นเสมืองหนึ่งการส่งผ่านความรู้สึกดีดีจากเราไปยังคนฟังอีกทางด้วย
นอกจากบทความสั้น ๆ นี้  ผมแนะนำให้ท่านได้ลองอ่านบทความเรื่อง “ฟังอย่างไรให้ได้สารครบถ้วน”  ที่ผมเขียนไว้ในหนังสือชื่อ “60 เคล็ด (ไม่) ลับ UP ผลงาน”  ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เพชรประกายเพิ่มเติมนะครับ รับรองว่าจะได้แง่คิดที่น่าสนใจของการฟังอีกเรื่องหนึ่งมาประดันสมองแน่นอน
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น