วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

สร้างวินัยในตัวเองได้ไม่ใช่เรื่องยาก


เมื่อไม่นานมานี้ผมได้รับเชิญจากบริษัทผู้ผลิตอัญมณีเครื่องประดับแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง โรงงานใหญ่โตตั้งอยู่ย่านบางบัวทอง เป็นวิทยากรในหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการทำงานอย่างมืออาชีพ (Professional Employee) ซึ่งเป็นหนังในหลักสูตรหลักที่ผมได้รับความไว้วางใจจากหลายองค์กรชั้นนำให้ไปจัดการเรียนรู้

ก่อนจัดการฝึกอบรมผมได้รับ Brief จากผู้บริหารที่ทำหน้าที่ดูแลงาน HR และงานบริหารสำนักงาน ให้เน้นการสร้างมุมมองเรื่องการทำงานอย่างมีระเบียบวินัย (Discipline) ซึ่งท่านเห็นว่าพนักงานที่ร่วมงานในปัจจุบัน โดยเฉพาะน้อง ๆ กลุ่มพนักงานระดับปฏิบัติการรุ่นใหม่ชาวเจนวาย (Y Generation) ที่เข้างานใหม่ ไม่ค่อยมีกันมากนัก

ผมสังเกตดูว่าหลักสูตรอบรมเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการทำงานอย่างมืออาชีพ หรือการทำงานอย่างพนักงานมืออาชีพ (Professional Employee) ตามแนวที่องค์กรต้องการ ไม่ว่าแนวนั้นจะระบุเป็น Core Value หรือระบุไว้เป็น Competency ขององค์กรก็ตาม เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ คงจะด้วยเพราะองค์กรทั้งหลายตระหนักดีกว่า หลักสูตรอบรมเช่น การคิดเชิงบวก (Positive Thinking) ที่ Hot มากมาหลายปี เป็นเพียงทักษะการคิดด้านหนึ่งที่ส่งเสริมความเป็นพนักงานมืออาชีพ แต่การจะทำงานได้อย่างที่เรียกกันว่า “มืออาชีพ” นั้น ยังต้องอาศัยทักษะการคิดและทักษะการปฏิบัติหลายอย่าง เรียกว่าต้องทั้งคิดเป็นและทำเป็นเลยทีเดียวครับ

กลับเข้าเรื่องของเราดีกว่า !!!

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าการมีวินัยกับการใช้ชีวิต (ไม่ว่าจะชีวิตงานหรือส่วนตัว) นั้น  เป็นองค์ประกอบสำคัญเรื่องหนึ่งที่มนุษย์ทำงานกินเงินเดือนที่มุ่งมาดปรารถนาความสำเร็จจะต้องมี (หากเป็นผู้ประกอบการก็เรียกว่า “เถ้าแก่มืออาชีพ” หรือ “CEO มืออาชีพ” ประมาณนี้ล่ะครับ) และหากรักษาวินัยให้มีต่อเนื่องคงเส้นคงวาได้  ย่อมหมายถึงการประสบความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วยนั่นเอง   

การมีวินัยหรือจะเรียกว่าการมีระเบียบวินัยก็ตาม นับว่าเป็นลักษณะของการใช้ชีวิตที่ผมคิดว่าเป็นอะไรที่ตรงข้ามกันกับการอะลุ่มอะล่วย เรามักพบว่าหากเราจะทำสิ่งใดแล้วบอกตัวเองว่า “นี่เดี๋ยวค่อยทำก็แล้วกัน !” หรือ “รอก่อนคงไม่เสียหายอะไรหรอกน่า !  แล้วหันไปทำสิ่งอื่นที่ไม่ได้สำคัญหรือเร่งด่วนแต่อาจจะบันเทิงใจอย่างแรงเสียก่อน (ผมก็เป็นแบบนี้บ้างในบางอารมณ์ 555….) ท้ายที่สุดแล้วก็คงจะทำอะไรค้างคาไม่สำเร็จลงได้ กลายเป็นงานพลาดเป้าหมาย

นักกีฬาที่มีชื่อเสียงต่างก็ต้องมีวินัยในการฝึกซ้อมฝีมือและครองตัวให้อยู่ในร่องในรอยเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจฉันใด คนทำงานมืออาชีพที่อยากได้ความก้าวหน้าในเส้นทางสายอาชีพก็ต้องไม่ขาดวินัยในการทำหน้าที่ทั้งหลายในขอบเขตความรับผิดชอบอย่างเต็มกำลังความคิดและกำลังกายไม่ได้แตกต่างกันเลย

แต่อะไรหรือที่มักทำให้ราเผลอไผลขาดวินัยในการทำงาน ?

โดยไม่อิงทฤษฎีบทใด ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ “ไม่รู้จักบังคับตัวเอง” หรือ “บังคับตัวเองได้ไม่ดีพอ”  

และหากท่านอยากฝึกวินัยให้กับตัวเอง ก็ควรจะต้องฝึกบังคับตัวเองให้ได้ในหลายเรื่องต่อไปนี้

1) รู้งานให้มากเข้าไว้ – ความรู้ในงานเป็นพื้นฐานที่จะทำให้เราทำงานหนึ่งใดได้อย่างถูกต้องตามกรอบที่มันควรจะต้องเป็น คนที่ขยันแต่ไม่รู้จะทำงานอย่างไรก็คงได้แต่งม ๆ ทำไป หากจะให้ดีรู้งานแต่อาจจะไม่ขยันขันแข็งแรงกล้างานก็จะเดินไปได้สักหน่อย

2) มุ่งมั่นตั้งใจ – เมื่อรู้งานแล้วต้องลงมือทำงานอย่างมุ่งมั่นตั้งใจและจดจ่ออยู่กับงานที่อยู่ตรงหน้าจึงจะได้ผลงานอย่างเต็มที่

3) ไม่เกียจคร้าน – ลงมือทำงานเล็กใหญ่โดยไม่เกียจคร้าน ไม่เกี่ยงไม่เลือกงาน แม้จะขาดทักษะก็ต้องหมั่นเรียนรู้จากการอ่านหนังสือหรือฟังผู้เชี่ยวชาญที่เขามีประสบการณ์มากกว่าเพิ่มเติมภูมิรู้ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ   

4) ทำงานอย่างอุตสาหะ – มีความเพียรพยายามไม่ว่างานนั้นจะยากลำบากหรือต้องใช้ความตั้งใจอย่างมากเพียงใด

5) อดทนอดกลั้น  อดทนต่อการทำงานหนักและงานที่ยากลำบาก ฝ่าฟันทำงานที่อาจจะมากด้วยสารพันปัญหา และความกดดันเร่งรัดของเวลาตาม Timeline ที่กำหนด โดยเฉพาะการอดทนต่อความรู้สึกเหนื่อนหน่ายและเกียจคร้าน

บังคับตัวเองในเรื่องเหล่านี้ให้ได้มีประสิทธิผลเท่าใด ผมว่าวินัยเราจะเพิ่มขึ้นเป็นกอง ลองดูสิครับ !!!

สำหรับปีใหม่นี้ ผมเองก็มี New Year Resolution เพื่อการฝึกฝนวินัยให้กับตัวเองเช่นกัน โดยกำหนดไว้ให้ตัวเองเขียนบทความใน Theme “ทักษะของการทำงานอย่างมืออาชีพ” สลับกับการเขียนเนื้อหาในหนังสือเล่มใหม่ที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ปลายปี 2558 แล้ว (แต่ยังไม่ได้ลงมือทำสักที) ให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 เรื่อง จบปี 2559 หวังใจว่าใกล้ปลายปีผมคงได้เนื้อหาไว้ทำหนังสือเล่มใหม่สมบูรณ์แล้ว

มาดูสิว่าผมจะเอาชนะใจตัวเองให้มีวินัยอย่างที่ต้องการตามแนวทางที่ผมเขียนแชร์มุมมองไปได้หรือไม่ หากท่านผู้อ่านอยากลองทำดูบ้าง งานนี้บอกได้คำเดียวว่า “ลุยเลยครับ” 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น