วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2559

เริ่มงานก่อนเวลา 30 นาทีได้อะไรดีดีหลายอย่าง

มีข้อคิดหนึ่งเขียนไว้ในหนังสือ how-to แปลเป็นไทยได้ว่าชื่อ “แค่ 30 นาทีก่อนนอน เปลี่ยนคนยอดแย่เป็นคนยอดเยี่ยม” เขียนโดนทาเคอชิมา เท็ตสึจิ แนะนำให้เราทดลองเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง 30 นาทีก่อนนอนเพื่อไปพัฒนาตัวเองในหลากหลายวิธีการที่แนะนำไว้ เชื่อแน่ว่าจะช่วยให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงพุ่งเข้าหาความสำเร็จ
ผมคิดต่อยอดว่าหากเรานำเอาเวลา 30 นาทีเช่นนี้มาเป็นเวลาเช้าก่อนเข้างาน พูดง่าย ๆ ก็คือเริ่มลงมือทำงานก่อนเวลาทำงานจริง 30 นาที เช่น เริ่มงานตั้งแต่ 08.00 น.หลังจากที่เดินทางมาถึงที่ทำงาน พร้อมจัดการภารกิจยามเช้าเช่นจัดหนักด้วยการรับประทานอาหารเต็มสูบ อัดคาเฟอีนแก้ง่วงแล้ว เช๊คอีเมล์และ status ในโลก Social Media ที่วันนี้หากไม่ทำคงเหมือนชีวิตขาดสะชาดอะไรบ้างอย่างไปเรียบร้อย  ขณะที่เริ่มงานตามเวลาทำงานจริง 08.30 น. ชีวิตการทำงานของเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ?
สำหรับผมเชื่อแน่ว่า งานของเขาน่าจะดีขึ้นมากโข
เพราะเวลา 30 นาทีเช่นนี้ เป็นเวลาที่ว่ากันแล้วก็มากพอควรสำหรับการเตรียมตัวก่อนเริ่มงาน ทบทวนงานที่ยังค้างคาและเตรียมงานที่จะทำในวันใหม่วันนี้  จัดแจงโต๊ะทำงานให้เลี่ยม เป็นต้น  พร้อมกันนั้น เวลา 30 นาทีนี้น่าจะช่วยให้เราได้เปรียบคนอื่นที่ไม่ได้ทำในหลายประการ เช่น ได้เริ่มงานก่อนใคร  ได้มีโอกาสคุยกับหัวหน้าที่ชอบมาทำงานเช้า ๆ ขณะที่คนอื่นมาเข้าทำงานตามเวลาปกติ   หัวหน้าก็อาจจะแอบชื่นชมแกมชมว่าขยันกว่าคนอื่นรอบข้างก็เป็นได้
เจ้านายผมท่านเป็นตัวอย่างที่ดีในการมาทำงานแต่เช้า ท่านสอนว่าหากไม่มองเรื่องการออกมาทำงานเข้าเพราะหลีกเลี่ยงรถติดที่ทำให้ต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืด การมาทำงานแต่เช้า ซึ่งมักจะเป็นเวลาที่คนยังไม่พลุ่งพล่านในที่ทำงาน จะทำให้เราอารมณ์แจ่มใสเพราะไม่ต้องเครียดกับภาวะรถติดยามเช้า  มีสมาธิในเวลาที่ติดตามอ่านข่าวสารความเคลื่อนไหวทางธุรกิจ และยังมีเวลาให้ลูกน้องได้เข้ามาปรึกษาหารือ และในยามเจ้านายอารมณ์ดีเช่นนี้  ความคิดที่ให้คำแนะนำก็บรรเจิด เพราะสมองโล่ง โฟกัสก็ย่อมดีตามไปด้วย
ในเมื่อเจ้านายที่ท่านประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจแนะนำมาแล้ว ผมที่เป็นคนทำงานจะมีนำเรื่องดีดีเช่นนี้มาปฏิบัติได้อย่างไร 
พอลองมาทำงานแต่เช้าดูโดย upgrade เวลาจาก 30 นาทีเป็นสักหนึ่งชั่วโมง นอกจากได้จัดการเตรียมความพร้อมกับงานบางอย่างเช่น ทบทวนเรื่องที่ต้องหารือกับผู้ใหญ่ในวันนี้ รวมทั้งการทบทวนความคืบหน้าของงานแต่ละเรื่องแล้ว ผมก็ยังมีเวลาอีกมากสำหรับการนั่งเขียนบทความอย่างน้อยวันละหนึ่งเรื่องตามเป้าหมายในใจที่ตั้งไว้
มาทำงานเข้าและทำอะไรแบบนี้มาได้ราวหนึ่งเดือนแล้ว  ดีหรือไม่อย่างไรไม่อยากตัดสิน รู้แต่ว่าผมจะทำแบบนี้ต่อไปและทำให้คงเส้นคงวา    


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น