ในชีวิตการทำงานของเรานั้น มักจะมีปัญหาน้อยใหญ่มาให้ขบคิดกันเสมอ
ปัญหาเล็ก ๆ คงไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าปัญหาใหญ่ก็ชวนให้หนักทั้งใจและทั้งความคิดที่จะต้องหาวิธีจัดการรับมือให้ได้ และบ่อยครั้งเช่นกันที่ปัญหาที่อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย
ส่งผลให้มีอารมณ์โกรธพลุ่งพล่านจนมีไม่น้อยเช่นกันที่ส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายที่บังคับบัญชา
มองจากมุมสรีระวิทยาและจิตวิทยา
เวลาที่คนเราโกรธนั้น
ปฏิกิริยาของร่างกายพที่เราจะพบเห็นได้ก็คือหัวใจจะสูบฉีดเลือดเพื่อนำเอาออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนที่เรียกว่า
“Amygdala”
ซึ่งนับได้ว่าเป็นศูนย์อำนวยการอารมณ์แบบเถื่อน ๆ ดิบ ๆ ของมนุษย์
(แน่นอนครับ สมองของเรามีส่วนที่ควบคุมอารมณ์สุนทรีย์
อารมณ์รักใคร่และพึงพอใจเชิงบวกด้วยเช่นกัน) อารมณ์แบบดิบ ๆ ที่ว่านี้คือความกลัว ความโกรธ หรือแม้แต่การแสดงออกทางเพศ
ก็จัดว่าเป็นอารมณ์แบบดิบที่สมองส่วนนี้ดูแลบัญชาการด้วยครับ
พอเลือดไปหล่อเลี้ยงสมองส่วนนี้มาก
ก็เท่ากับเลือดจะไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงสมองส่วนหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการควบคุมการคิดอย่างมีเหตุผล
การไตร่ตรองสถานการณ์
วิจารณญาณกับปรากฎการณ์น้อยลง ก็เท่ากับสมองสูญเสียการควบคุมทางอารมณ์นี้ให้กับ
“Amygdala” เวลาที่คนเราโกรธนั้น
นักวิชาการเค้าจึงเรียกกันติดปากว่า “Amygdala Hijack”
ซึ่งก็คือการปล้นความคิดไตร่ตรอง การใช้เหตุผลของสมองไปนั่นเอง ก็บังเอิญที่เวลาปล้น (hijack) การควบคุมไปจากสมองส่วนหน้านี้ ใช้เวลาสั้นมากแทบจะไม่ถึงครึ่งวินาที
ทั้งยังใช้เวลาอีกเพียงไม่เกินสองวินาทีในการสั่งการให้ร่างกายแสดงปฏิกิริยาร่างกายออกมา
เวลาคนเราโกรธนั้น เราจึงเห็นการตอบโต้แบบทำลายข้าวของ ด่าทอกันเมามัน
หรือกระทั่งทำร้ายร่างกายและรุนแรงหน่อยคือประทุษร้ายต่อชีวิตของคนอื่นโดยอารมณ์ชั่ววูบ
ไอ้ที่ว่าชั่ววูบนี่ล่ะครับคือคำสั่งของมองส่วน Amygdala
เทคนิคง่าย ๆ
ที่ผู้รู้หลายท่านแนะนำเอาไว้
และผมเองก็เคยทดสอบแล้วว่าได้ผลไม่ใช่เรื่องยากวุ่นวายอะไรเลยครับ
แต่คือการสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สักสองสามครั้ง
หลับตาลงแล้วนับหนึ่งถึงแปดให้ได้
ย้ำครับนับหึ่งถึงแปด ที่ต้องแปดไม่เป็นสิบหรือร้อยนั้นก็เพราะผู้รู้ท่านที่เขียนหนังสือเรื่อง
“How
to Get the Buddahood” บอกว่าคนเรานั้นจะใช้เวลาเฉลี่ยเพียงราว ๆ
แปดวินาที ในการดึงอารมณ์บูดกลับสู่สภาพเดิม
แล้วทำไมต้องสูดลมหายใจล่ะ
หลับตาอย่างเดียวไม่ได้เหรอ?
เอาเป็นว่า การสูดลมหายใจนั้นก๋เท่ากับการดึงเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและไหลเวียนไปยังสมองส่วนหน้าให้มากขึ้น
เหมือนกับการเติมพลังเข้าไปให้กับสมองส่วนที่ใช้เหตุใช้ผล
การไตร่ตรองและสติปัญญา ส่วนการแนะนำให้หลับตานั้นก็เพื่อจะได้ไม่เห็นสิ่งเร้าสิ่งกระตุ้นให้เกิดอารมณ์โกรธนั่นเองครับ ง่าย ๆ เลยนะเนี่ย
เวลาที่คนเราโกรธนั้น สติมักจะหลุดลอย
ปัญญาก็จะพร่องลงไปตามส่วน การระงับอารมณ์ด้วยการหลับตานั่งนับเลขในใจ
ก็ยังดูกว่าไปนั่งนับเข็มที่หมอเบ็บแผลที่ศรีษะหรือร่างกายเพราะไปทะเลาะกับชาวบ้านเขา
และยังดีกว่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบเดินจูงมือเราเข้าคุกเข้าตะรางแล้วมานั่งเสียใจภายหลัง
เป็นไหน ๆ นอกเหนือจากนี้ หากเรารู้จักฝึกครองสติให้อยู่กับลมหายใจของตัวเอง
ถึงขั้นที่เรียกว่ามีสมาธิแล้ว ก็จะเกิดปัญญหาแก้ไขสถานการณ์หนักเบาที่รุมเร้าเข้ามาในชีวิตอย่างได้ผล เรื่องดีดีแบบนี้ต้องทดลองครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น