นอกเหนือจากการปรับปรุงงานกันอย่างสม่ำเสมอจะเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลักของคนที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานแล้ว
ผมคิดว่าหากต้องการจะทำงานให้รุ่ง หรือทำงานให้ก้าวหน้าแล้ว คนทำงานต้องหัดท้าทายตัวเองให้ทำงานยาก ๆ
กว่างานเดิมที่เคยทำ
ต้องกล้าพอที่จะเปลี่ยนแปลงไปทำงานใหม่ที่ไม่คุ้นชิน
แต่แม้คนเราพอจะเข้าใจและตระหนักถึงความจำเป็นในการที่จะต้อง “เปลี่ยนแปลง” กันอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริง เวลาที่จะเปลี่ยนอะไรสักอย่าง เราก็จะกังวลใจสารพัดเรื่องตามมา เช่น กังวลว่าสิ่งใหม่จะทำให้ยากลำบาก เกรงว่าจะถูกปฏิเสธจากเพื่อนร่วมงานที่จะต้องทำงานเกี่ยวข้องกัน กลัวว่าจะพบอุปสรรคที่ทำให้ล้มเหลวแล้วละอายกับความล้มเหลวนั้น ทั้งที่ควรจะเข้าใจว่า การไม่ทำอะไร หรือยืนอยู่เฉย ๆ นั่นสิเป็นเรื่องที่น่าละอายยิ่งกว่าลงมือทำแล้วล้มเหลว (เหมือนกับคำคมวัยรุ่นที่บอกว่า “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น” นั่นล่ะ....เกี่ยวกันหรือเปล่านะ....)
แต่แม้คนเราพอจะเข้าใจและตระหนักถึงความจำเป็นในการที่จะต้อง “เปลี่ยนแปลง” กันอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริง เวลาที่จะเปลี่ยนอะไรสักอย่าง เราก็จะกังวลใจสารพัดเรื่องตามมา เช่น กังวลว่าสิ่งใหม่จะทำให้ยากลำบาก เกรงว่าจะถูกปฏิเสธจากเพื่อนร่วมงานที่จะต้องทำงานเกี่ยวข้องกัน กลัวว่าจะพบอุปสรรคที่ทำให้ล้มเหลวแล้วละอายกับความล้มเหลวนั้น ทั้งที่ควรจะเข้าใจว่า การไม่ทำอะไร หรือยืนอยู่เฉย ๆ นั่นสิเป็นเรื่องที่น่าละอายยิ่งกว่าลงมือทำแล้วล้มเหลว (เหมือนกับคำคมวัยรุ่นที่บอกว่า “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น” นั่นล่ะ....เกี่ยวกันหรือเปล่านะ....)
พอเกิดความคิดและอารมณ์ประมาณนี้ขึ้น
ก็เลยยืนหยัดปักหลั่นอยู่ในพื้นที่แห่งความคุ้นเคย (Comfort
Zone) ไม่อยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร
แม้จะรู้ว่าเปลี่ยนแปลงแล้วจะดีขึ้นกว่าเดิมก็ตามที
ความคิดแบบนี้เองที่จะเป็นอุปสรรคกับการก้าวไปสู่เส้นทางความรุ่งเรืองในอาชีพ
เราคงต้องคอยเตือนตนเองอยู่เสมอว่า
ธรรมชาติของสรรพสิ่งนั้นคือ “ไม่หยุดนิ่ง” และมีการเปลี่ยนแปลงตามมาเป็นปรกติ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ทั้งเปลี่ยนความคิดและเปลี่ยนอารมณ์ให้สอดรับกับสถานการณ์ใหม่
ๆ อยู่เสมอ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว
ขอให้ท่านคิดเชิงบวกอีกว่า หากชีวิตไม่เจอความท้าทายใหม่ ๆ ไม่พบเจองานยาก ๆ
ที่อาจจะไม่เคยทำหรือเคยได้ยินมาก่อน ก็จะไม่พบประสบการณ์ชีวิตอันแสนเร้าใจ
และขาดโอกาสที่จะบ่มเพาะทักษะความสามารถอันใหม่ที่มักจะไม่วิ่งเข้ามาหาเราทุกวัน
ซ้ำจะยังขาดโอกาสพัฒนาความเชี่ยวชาญซึ่งมักจะเป็นพื้นฐานรองรับการเติบโตก้าวหน้าในอาชีพอีกด้วย
ในชีวิตคนเรานั้น
มักพบศึกหนักจากการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องงานและเรื่องชีวิตซึ่งถาโถมจากรอบตัวอยู่เสมอ หากจะทำงานให้มีความสนุกและก้าวไปข้างหน้าแล้ว
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องบริหารความเปลี่ยนแปลงให้ลงตัว อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อสองอย่างคือ (1)
รักษาชีวิตให้เป็นไปอย่างปกติ กับ (2) นำชีวิต (การทำงาน+ส่วนตัว)
ไปหาสิ่งใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม นั่นคือความสำเร็จที่มากขึ้นทุกวันที่เราต่างก็ต้องการกันทั้งนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น