ในชีวิตการทำงานของคนเรานั้น
เปรียบไปก็ไม่ต่างกับชีวิตส่วนตัวที่มักจะมีอะไรที่ไม่คาดหวังเกิดขึ้นเสมอ
บางครั้งก็ทำงานไม่บรรลุเป้าหมายดังที่ใจคิด
แม้จะทำตามขั้นตอนแล้วทุกอย่าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ยังคงมีการส่งมอบบริการที่ไม่ตรงเวลา ของเสียยังมากกว่าตัวชี้วัดกำหนด เป็นต้น
แต่ในภาพรวมลูกค้าจะไม่ได้รับความเสียหายหรือผลกระทบมากมายนัก หรือบางครั้งก็พบว่า
ได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างถี่ถ้วนแล้วอย่างที่หัวหน้าบอกมา
แต่ก็ยังโดนตำหนิเรื่องเทคนิคการนำเสนอที่ไม่น่าสนใจ ตัวอย่างที่ยกมากล่าวนี้
คงเป็นเพียงส่วนน้อยจากหลายอย่างในงานที่ท่านเคยพบมา
เมื่องานไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น
ผลที่เกิดขึ้นตามมาก็คือความรู้สึกไม่ค่อยดี
รู้สึกผิดหวังทั้งที่ตั้งใจอย่างเต็มที่ ผมมองว่า
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอในการทำงาน และเกิดขึ้นบ่อยครั้งตราบเท่าที่คนเรามองงานในแง่มุมที่ต่างกันไป แต่สิ่งที่ท่านควรจะต้องคิดและทำก็คือ
อย่าปล่อยให้ความผิดหวังนั้นบ่อนทอนหัวใจให้เศร้าหมอง ลองคิดทบทวนสิครับว่า
คนที่ประสบความสำเร็จมากมายในวันนี้
ไม่มีบ้างหรือที่เค้าจะผิดหวังหรือล้มลุกคลุกคลานมาก่อน
หรือไม่ใครบ้างที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดมาบ้าง อย่างน้อยก็ในบางเรื่องบางจุด
ผมคิดว่าไม่น่าจะมีนะครับ
ที่สำคัญนั้น
เมื่ออะไรไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิดแล้ว ท่านหาวิธีจัดการกับมันอย่างไรมากกว่า !
และสิ่งที่ท่านควรทำก็คือการมุ่งค้นหาสาเหตุว่าอะไรหรือที่ทำให้งานไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งเป้าไว้
และโฟกัสดูปัจจัยหลัก ๆ ที่ท่านคิดว่าทำให้งานมีปัญหา
แล้วก็จะคลี่คลายสถานการณ์ได้ไม่ยากนัก
ประเด็นว่า
“ทำไมงานจึงไม่เป็นอย่างใจและได้ผลตามแผน” นี้ล่ะครับ
เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะว่ากันในบทความนี้ ส่วนเหตุที่การตั้งคำถามว่า “ทำไม”
นั้นก็ด้วยเพราะคำถามเช่นนี้จะช่วยให้หยุดการคาดคิดด้านลบต่างต่างนานา
มามุ่งมองหาวิธีการจัดการในแบบที่สร้างสรรค์ และยังช่วยให้เกิดประสบการณ์เรียนรู้และพัฒนาคนทำงาน
พร้อมกันนี้
คนทำงานทั้งหลายก็ควรจะตั้งคำถามเพิ่มเติมได้แก่
- อะไรหรือที่ควรทำในสถานการณ์เช่นนั้น – แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เป็นไปอย่างใจคิด แต่ยังมักจะมีบางอย่างที่ท่านทำได้ดีอยู่ด้วย ซึ่งท่านจะต้องหาให้เจอและทำให้เกิดขึ้นในครั้งใหม่
- อะไรที่แล้วไม่ค่อยได้ผลดีเลย – เป็นการตั้งคำถามว่า อะไรที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีออกมา หรืออะไรที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้บ้าง
- ควรทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าเดิมในภายหน้า – เมื่อได้คำอธิบายจากสองเรื่องข้างต้นแล้ว ท่านก็จะทราบสิ่งที่ต้องทำประการนี้เอง เรื่องที่ว่าไปนี้สำคัญมากนะครับ ภาษิตคนทำงานที่ถ่ายทอดให้คนทำงานอย่างผมฟังมานานก็คือ “ทำผิดพลาดครั้งแรกเป็นประสบการณ์ ผิดพลาดซ้ำสองหมายถึงข้อบกพร่องของเราเสียแล้ว” แม้ผมจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับภาษิตนี้มากนัก แต่ความจริงแล้ว ในทุกครั้งที่เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ท่านจะต้องพยายามตีโจทย์ให้แตกว่าจะทำอย่างไรเพื่อมิให้เกิดสถานการณ์เช่นนั้นซ้ำสองในภายหน้า
สุดท้ายนั้น การที่ผลลัพธ์ของงานไม่เป็นอย่างที่ใจหวังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร
สิ่งสำคัญอยู่ที่ท่านทั้งหลายได้ตั้งคำถามอย่างจริงจังเพื่อค้นหาสาเหตุเบื้องหลัง
และได้เรียนรู้มันไว้เป็นประสบการณ์ที่จะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในอนาคตหรือไม่
และอย่างไรบ้าง ? และเมื่อความผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา
ก็เท่ากับท่านมีโอกาสมากมายที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจว่าควรจะต้องทำอย่างไร
เพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้
ท่านควรต้องทำใจยอมรับว่ามันคือส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตและก็ไม่ควรที่จะทุกข์ใจให้เศร้าหมอง ตรงกันข้าม ควรกลับมุมคิดมองให้มันเป็นความท้าทายที่จะแสวงหาประสบการณ์ใหม่
ๆ เติมเต็มชีวิตการทำงานดีกว่าเป็นไหน ๆ แบบนี้สิเรียกว่า คิดบวกอย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น