ที่ว่าทัศนคติทางบวกสำคัญกับคนทำงานทั้งหลายนั้น ก็ด้วยเพราะว่า แม้คนทำงานจะวางแผนการเติบโตในอาชีพ ของตนเองไว้เป็นอย่างดี แต่หากขาดรากฐานของความคิดและการมองเรื่องงานที่ถูกต้อง ก็ยากเช่นกันที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพได้
คำถามต่อมาคือ ทัศนคติอย่างไรบ้างที่ช่วยให้คนทำงานสำเร็จก้าวหน้าในอาชีพ
ผมพยายามรวบรวมจากหนังสือหลากหลายเรื่อง เพื่อดูว่าทัศนคติแบบใดบ้างที่องค์กรส่วนมาก อยากได้จากคนทำงาน ผมเห็นว่ามีสัก 3 รายการที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างน้อยได้แก่.....
- ความภาคภูมิใจ (Pride) ผู้รู้หลายท่านมองว่า ความภาคภูมิใจที่สะท้อนทัศนคติการทำงานทางบวกนั้น เปรียบได้กับการมีความทะเยอทะยานที่จะทำงานให้สำเร็จผลตามเป้าหมาย และความทะเยอทะยานนี้เองที่ทำให้คนทำงานคิดว่าต้องไม่ทำแค่เพียงให้ผ่าน ๆ ไปวัน ๆ เพราะทำงานแบบนั้น ไม่เกิดอะไรเลย ความภาคภูมิใจนี้ ส่งผลให้คนอยากทำงานเพื่อให้ได้ผลงานชั้นเยี่ยม
- ความปรารถนาอันแรงกล้า (Passion) หรือความสนใจในงานหรืออาชีพอย่างยิ่งยวด รวมไปถึงการมีความกระตือรือร้นอย่างเข้มข้นสำหรับการทำสิ่งใดก็ตาม โดยคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นมีคุณค่า แม้แต่ในเวลาที่ยากลำบากกับการทำงานก็ตาม
- ความเชื่อ (Belief) ในการสร้างความปรารถนาอันแรงกล้านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเชื่อ ความเชื่อเป็นเสมือนเชื้อไปที่เป็นพลังที่ผลักดันให้การทำงานเกิดผลขึ้นมาได้
คราวนี้ก็มาสู่ประเด็นหลักของความนี้คือ เหตุใดองค์กรทั้งหลายจึงอยากให้คนทำงานมีทัศนคติที่ดี ?
ตอบกันง่าย ๆ ก็คือ องค์กรไหนก็ต้องการความสำเร็จ ต้องการการเติบโตในธุรกิจทั้งนั้น และก็ยอมรับกันว่าคนทำงานเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อการผลักดันให้องค์กรเดินไปสู่จุดมุ่งหมายนั้นได้
ทั้งนี้ คนทำงานที่คิดดีและคิดแบบบวก ๆ นั้น ก็เป็นคนที่ครอบครองคุณสมบัติหลายอย่างที่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จ ซึ่งผมอยากสรุปไว้ว่าคนที่มีทัศนคติเชิงบวก จะเป็นคนที่....
1. ทำงานแบบยืดหยุ่นผ่อนปรน
การทำงานแบบยืดหยุ่นผ่อนปรนสำหรับผมนั้นหมายถึง
มองชีวิตการทำงานในแง่ดี มีจิตใจเข้มแข็ง และคิดในทางบวก แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ปัญหา
หรือเมื่อเกิดผลกระทบทางลบจากการทำงานก็ยังมองว่ามันคือสิ่งที่ท้าทายและพิสูจน์ความสามารถในการทำงาน
และยังรวมไปถึงการมุ่งมั่นที่จะค้นหาวิธีการช่วยให้แก้ไขปัญหาในงาน
หรือลดผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหน้า และมักจะคิดถึงแนวทางแก้ไขปัญหาใหม่ ๆ
มากกว่าที่จะไปนั่งโทษใคร หรือโทษเรื่องนั้นเรื่องนี้ รวมทั้งมีความพยายามเพื่อให้สามารถทำงานได้ประสบผลสำเร็จ
และตอบสนองความต้องการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ
2.
มองอะไรในทางที่ดี
ความสำเร็จ การมีความสุข และอายุยืน
ล้วนมีรากมาจากคิดและมองอะไรในแง่ดีนะครับ ทัศนคติที่มองอะไรในแง่ดี
ไม่ทำให้เราเซร้าหมองเมื่อต้องตกอยู่ในอารมณ์ของความทุกข์
และเป็นเหมือนกับเชื้อไฟที่ช่วยเติมพลังให้กล้าเสี่ยงด้วยเพราะเขาจะมองเห็นโอกาสที่จะจัดการกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้สำเร็จผลได้
3.
มั่นใจและควบคุมตัวเองได้ดี
คนที่มั่นใจในตัวเอง มักจะความเชื่อว่าจะเขาสามารถทำงานที่รับผิดชอบและเลือกแนวทางปฏิบัติในการทำงานหรือจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิผล
ซึ่งรวมทั้งการมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ความท้าทายที่เกิดขึ้น
และมั่นใจในการตัดสินใจที่ได้ทำลงไปภายใต้กรอบหน้าที่รับผิดชอบที่ได้รับ ทำงานภายใต้การกำกับดูแลหรือการควบคุมงานเพียงเล็กน้อยของหัวหน้างาน
และพร้อมที่จะทำงานที่รับผิดชอบให้เกิดผลงานที่ดีได้และยังมีพฤติกรรมและจุดยืนที่หนักแน่นกับสถานการณ์หนึ่งใดอย่างมีเหตุผล
ชอบทำงานที่ท้าทายความสามารถ และตื่นเต้นกับงานท้าทายใหม่ๆ ส่วนการควบคุมตัวเองนั้น ก็คือ ความสามารถในการระงับอารมณ์และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเมื่อประสบปัญหาในการทำงาน
หรือความไม่พึงพอใจที่เกิดขึ้นจากบุคคลอื่น
โดยไม่แสดงพฤติกรรมในทางลบเพื่อตอบโต้บุคคลอื่น หรือสนองตอบปัญหานั้น
4. ชอบคิดสร้างสรรค์
กูรูท่านบอกว่า ทัศนคติเชิงบวก เป็น
“หัวใจสำคัญของการสร้างนวัตกรรม” เลยทีเดียวนะครับ เพราะจะทำให้เรากล้าเสี่ยงและคิดออกนอกกรอบ
สามารถพัฒนาสิ่งใหม่ หรือแนวคิดใหม่ ๆ
กับการทำงาน หรือปรับปรุงงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งให้ความสนใจต่อการศึกษาและเรียนรู้แนวคิด
และวิธีการทำงานแบบใหม่
เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น
ไม่มองปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความคิดแบบเดิมๆ แต่คาดหวังผลลัพธ์ของงานที่เปลี่ยนไปเรามักพบว่า
คนที่มีทัศนคติทางบวก จะชอบเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงาน
ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาสิ่งใหม่
ที่อาจจะเป็นโครงการหรือกระบวนการทำงานก็ได้
5.
ชอบแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
องค์กรเค้าเชื่อกันว่า การมีทัศนคติทางบวก
จะช่วยให้คนทำงานรักษาความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีระหว่างตนเองกับคนอื่น และชอบกับการทำงานเป็นทีม
การประสานงาน รับฟังและเข้าใจในความแตกต่างของมุมมอง
จุดเน้น และแนวทางการทำงานที่แต่ละฝ่ายมีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เผชิญกับปัญหาข้อขัดแย้ง และตอบสนองต่อการลดระดับความขัดแย้งด้วยการกำหนดเป้าหมาย
บทบาทและกระบวนการที่ชัดเจน ตลอดจนถึงส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่กดดันหรือการไม่เห็นด้วย
แต่สร้างสรรค์ และร่วมกันคิดและแก้ไขปัญหา
รวมทั้งป้องกันการเผชิญหน้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต
6. มีแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ
คนที่มีทัศนคติที่ดีนั้น จะเป็นคนที่มุ่งมั่นทำงานให้ได้ตามมาตรฐาน
ผลงานดีมีคุณภาพ และสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ขยันหมั่นเพียร และอดทน โดยใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
ภายใต้การคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก โดยมีแนวโน้มที่จะกำหนดตัวชี้วัดการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย ปรับปรุงผลงานโดยการเปลี่ยนแปลงระบบหรือวีการทำงาน
โดยมีแรงจูงใจในการทำงานที่ดี จัดลำดับความสำคัญของการทำงานบนพื้นฐานของทรัพยากรที่มี ใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม
ในการพัฒนาผลการปฏิบัติงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ท้าทายและช่วยเหลือสนับสนุนให้คนอื่นประสบความสำเร็จ
7.
มีแรงจูงใจชั้นเลิศในการทำงาน
การวิจัยและสำรวจนับไม่ถ้วน
ยืนยันว่าคนจะทำงานอย่างมีแรงจูงใจได้ก็ต่อเมื่อเขามีแรงกระตุ้นหรือรู้สึกท้าทายในการทำงาน
มีโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และจะเป็นกลุ่มคนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เกิดวัฒนธรรมที่ดีในการทำงานอีกด้วยนะครับ
8. ใจจดใจจ่อกับงาน
คนที่มุ่งเน้นเรื่องใด
ก็มีแนวโน้มที่เขาจะผูกพันกับงานที่เค้าทำ
คนทำงานที่คิดอะไรก็ดี มองอะไรก็บวกไปหมด ก็มักจะมุ่งใช้ความพยายามและพลังเพื่อทำงานให้บรรลุผมตามมาตรฐานงานและเป้าหมาย
หรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ พร้อมกับสามารถกำหนดกระบวนการของงาน
เพื่อให้การันตีว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่วางไว้อีกด้วย
มีคุณลักษณะของคนที่คิดเชิงบวกแบบไหนใน
8 แบบนี้ที่องค์กรท่านไม่อยากได้ครับ ผมว่าไม่น่าจะมีนะ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น