เคยบ้างไหมครับที่หัวหน้างานแจ้งผลการประเมินกับเราว่าเราไม่ค่อยที่จะมีความคิดสร้างสรรค์กับการทำงานประจำที่ทำอยู่
งานอะไรที่ท้าท้ายเป็นพิเศษที่หัวหน้ามอบหมายให้ก็ไม่รุดหน้าทำเท่าที่ควร ซ้ำร้ายงานหลายอย่างที่แก้ไขปัญหาที่เจออยู่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขเสียที
หากท่านเป็นเช่นนี้บ้าง
อยากให้ลองสำรวจตัวเองต่อไปว่าในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา มีสักครั้งไหมที่ท่านปฎิเสธงานที่ได้รับมอบหมาย
มีบ้างหรือไม่ที่วิ่งหนีปัญหา
ไม่กล้าเผชิญหน้ากับลูกค้าที่ร้องเรียนเข้ามา มีบางไหมที่ไม่แสดงความคิดเห็นต่อปัญหาที่เกิดขึ้นเวลาที่ระดมสมอง
นั่งอยู่นิ่ง ๆ ไม่อธิบายความจริงต่อหัวหน้า ซ้ำยังไม่เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า
เพราะคิดว่าคงทำอะไรไม่ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
ท่านเชื่อมั้ยครับว่า
รากฐานของเรื่องที่ว่าไปนี้ เป็น “ทัศนคติทางลบ” เพียว ๆ
ไม่ต้องพึ่งโซดาน้ำแต่อย่างใด
คนเรานั้น
มักมองหรือคิดอะไรลบ ๆ แบบที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าใดนักเป็นเพราะชอบจมปลักกับความคิดเหล่านี้
•
คิดว่า “ทำไม่ได้”
– ด้วยเพราะมองว่ามันเป็นปัญหาที่ไม่เคยอยากจะเจอเลย อยากทำแต่งานที่ราบรื่นเรียบร้อยไม่มีปัญหาให้หนักใจ ซึ่งแค่คิดแบบนี้ก็ผิดแล้ว
ผมอยากให้ท่านคิดในทางตรงข้ามว่า
ที่องค์กรยังต้องการเราร่วมงานด้วยนั้นก็เพราะเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่องค์กรเค้ามี
เมื่อไม่มีปัญหาก็ไม่มีเรามานั่งทำงานให้ต้องจ่ายเงินเดือนจ่ายสวัสดิการ คิดแบบนี้แล้ว ปัญหาจึงเป็นเรื่องปกติที่มักพบ
และเราก็ต้องก้าวข้ามมันด้วยการคิดหาทางจัดการปัญหาให้พร้อม เตรียมอารมณ์ ร่างกาย
และที่สำคัญคือเตรียมใจให้พร้อมรับสถานการณ์ปัญหาทุกเมื่อ
•
คิดว่า “เป็นไปไม่ได้” – บ่อยครั้งทีเดียวที่เรามักคิดว่าปัญหาหลายอย่างที่มีนั้นเราแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมอยากชวนให้มองว่า
ปัญหาคือโอกาสที่เปิดทางให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หากเราไม่ยอมออกไปเผชิญกับหน้ากับปัญหาหรือความท้าทายที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้ามา
ก็ไม่มีทางที่จะได้พัฒนาความคิดพัฒนาวิธีการทำงานให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ผู้รู้ท่านบอกไว้ว่า ปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นนั้น
มักช่วยให้เราเห็นถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราต้องการ และยังช่วยให้เราตระหนักว่าอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ดีกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็ได้
จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือจัดการกับปัญหาหรือความท้าทายที่ว่านั้นด้วยการ “ลงมือทำ”
มากกว่าที่จะนั่งรอและคอยแต่ตัดพ้อว่าตัวเองทำไม่ได้
•
คิดว่า “เราไม่เก่ง” – บางครั้งที่ลูกค้าไม่ชำระเงินเพราะปัญหาทางเทคนิคของสินค้าหรือบริการที่ไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้า
เมื่อเรื่องตกมาถึงท่านก็นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรเพราะท่านก็ไม่ได้รับผิดชอบโดยตรงแล้วคิดว่าปล่อยให้มันเป็นไปเถอะเพราะเราก็ไม่ได้เก่งพอที่จะแก้ไขปัญหาเช่นนั้นให้ลูกค้า
หรือพลอยคิดไปว่าเราไม่ใช่หน่วยงานติดตามหนี้สินกับลูกค้า จากนั้นก็นั่งเฉย ๆ
ปล่อยให้สถานการณ์เลยตามเลยทั้งที่ก็อยู่ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ แบบนี้สถานการณ์คงไม่ดีแน่เลย !
หลายเรื่องที่ว่าไปนี้ นับเป็นอุปสรรคขัดขวางความคิดสร้างสรรค์และส่งผลต่อการงอกงามทางความคิดของเราอย่างไม่อาจคาดคิดเลยทีเดียว นานเข้าเพื่อนร่วมงานรอบข้างก็ไม่อยากทำงานด้วย
เพราะคุยไปใยให้เสียเวลา
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้ท่านก้าวข้ามความคิดทางลบไปได้
นั่นคือ ต้อง “คิดใหม่ในทางบวก” และตั้งใจมุ่งมั่นปรับตัวเองอย่างต่อเนื่องในหลายเรื่องต่อไปนี้ครับ
·
เชื่อมั่นว่าปัญหาทุกเรื่องแก้ไขได้
– โดยข้อเท็จจริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมแก้ไขได้ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง
ไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาและแรงกายแรงใจทุ่มเทลงไป
และต้องจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้องกับสถานการณ์และเวลา ไม่วิ่งหนีหรือปล่อยให้ปัญหาลุกลาม
โดยต้องไม่ลืมที่จะค้นหาสาเหตุของปัญหาเช่น
ความไม่เรียบร้อยของบริการที่ให้กับลูกค้าตามที่ยกตัวอย่างไป
จากนั้นจึงมีค้นหาวิธีการแก้ไขทั้งจากงานของเราเองและจากงานของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมักจะเป็นไปได้ว่า ปัญหาที่กระทบกับลูกค้าเรื่องหนึ่ง
มักจะมีคนที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ซึ่งต้องมาระดมสมองช่วยกันแก้ไขให้รอบคอบและรอบด้าน
นอกจากนี้
เราต้องตระหนักเสียก่อนว่า ปัญหาหรือสถานการณ์หลายเรื่องนั้นอาจจะนำมาซึ่งความขัดแย้งทางความคิดและวิธีการทำงานของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เพราะต่างฝ่ายอาจจะถือเป้าหมายความสำเร็จและวิธีการที่อาจจะขัดแย้งกันในทีก็ได้ แต่ท่านก็ต้องไม่ลืมว่า
แม้ปัญหาจะเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่เคยปรากฎมาก่อน
แต่ก็ยังต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ของสถานการณ์ที่อาจจะต้องเจอในวันข้างหน้า
หรือสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อธุรกิจ จึงควรต้องปลูกฝังนิสัยท้าทายสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นกับตัวอยู่เสมอ
โดยคิดนอกกรอบการทำงานหรือแนวคิดเดิมๆ บ้าง
·
ไม่กลัวที่จะท้าทายสิ่งใหม่ – บางครั้งความคิดที่เราเสนอไปทั้งตนเองและเพื่อนร่วมทีม
อาจจะเจอปัญหาขัดแย้งกับความเชื่อ
เมื่อเพื่อนร่วมทีมอาจจะเสนอวิธีการแก้ปัญหาที่ท้าทายกับสถานการณ์
หรือมีความเสี่ยงต่อธุรกิจ บางครั้ง เมื่อลองเสนอลูกค้าดู ปรากฎว่า
ความคิดแบบท้าทายนั้นใช้ได้ผล แม้จะดูว่าโดยรวมแล้วสมใจคงไม่เหมาะกับนิสัยชอบความท้าทาย
แต่ HR ก็ขอให้เธอคิดนอกกรอบเดิมๆ และลองไอเดียใหม่ๆบ้าง
·
ยอมรับการตัดสินใจของบุคคลอื่น – บางครั้งข้อเสนอหรือไอเดียของเราอาจจะไม่โดนใจหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งที่เราก็คิดว่าดีที่สุดในจุดที่มันเป็นแล้ว และกลับโดนวิพากษ์วิจารณ์จากเพื่อนร่วมงานที่เห็นต่างออกไป จนกระทั่งไอเดีของเราไม่ได้นำไปใช้ กรณีเช่นนี้ก็ขอให้เราเข้าใจว่าเรื่องปรกติที่ไม่ควรเก็บเอามาเพาะเป็นความไม่พอใจระหว่างกัน และควรมองว่าความเห็นที่แตกต่างจากเรานั้น
อาจจะช่วยเสริมเติมแต่งให้ความคิดของเราบรรเจิดขึ้นก้อได้
แต่หากเกิดอคติกันแล้วย่อมไม่มีใครอยากฟังกัน
ซึ่งนั่นนับว่าไม่ดีกับงานที่ต้องขับเคลื่อนร่วมกันแต่อย่างใดเลย
หากเราได้หาเวลานั่งทบทวนตัวเองแล้วปรับความคิดมุมมองเสียใหม่อเก็บเย่างที่ผมนำเสนอไป
เชื่อเหลือเกินว่าผลงานปลายปีนี้ของท่าน จะดีขึ้นอย่างแน่นอน และยิ่งคิดบวกแบบนี้ให้เป็นนิสัย
โอกาสก้าวไกลในอาชีพการงานก็ไม่เกินกว่าจะเดินให้ถึงครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น