วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คิดลบไปใยให้เศร้าหมอง

เคยบ้างไหมครับที่หัวหน้างานแจ้งผลการประเมินกับเราว่าเราไม่ค่อยที่จะมีความคิดสร้างสรรค์กับการทำงานประจำที่ทำอยู่ งานอะไรที่ท้าท้ายเป็นพิเศษที่หัวหน้ามอบหมายให้ก็ไม่รุดหน้าทำเท่าที่ควร  ซ้ำร้ายงานหลายอย่างที่แก้ไขปัญหาที่เจออยู่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขเสียที
หากท่านเป็นเช่นนี้บ้าง อยากให้ลองสำรวจตัวเองต่อไปว่าในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา มีสักครั้งไหมที่ท่านปฎิเสธงานที่ได้รับมอบหมาย  มีบ้างหรือไม่ที่วิ่งหนีปัญหา ไม่กล้าเผชิญหน้ากับลูกค้าที่ร้องเรียนเข้ามา  มีบางไหมที่ไม่แสดงความคิดเห็นต่อปัญหาที่เกิดขึ้นเวลาที่ระดมสมอง นั่งอยู่นิ่ง ๆ  ไม่อธิบายความจริงต่อหัวหน้า ซ้ำยังไม่เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า เพราะคิดว่าคงทำอะไรไม่ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
ท่านเชื่อมั้ยครับว่า รากฐานของเรื่องที่ว่าไปนี้ เป็น “ทัศนคติทางลบ” เพียว ๆ ไม่ต้องพึ่งโซดาน้ำแต่อย่างใด
คนเรานั้น มักมองหรือคิดอะไรลบ ๆ แบบที่ไม่ค่อยสร้างสรรค์เท่าใดนักเป็นเพราะชอบจมปลักกับความคิดเหล่านี้
      คิดว่า “ทำไม่ได้”   ด้วยเพราะมองว่ามันเป็นปัญหาที่ไม่เคยอยากจะเจอเลย  อยากทำแต่งานที่ราบรื่นเรียบร้อยไม่มีปัญหาให้หนักใจ  ซึ่งแค่คิดแบบนี้ก็ผิดแล้ว ผมอยากให้ท่านคิดในทางตรงข้ามว่า  ที่องค์กรยังต้องการเราร่วมงานด้วยนั้นก็เพราะเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่องค์กรเค้ามี  เมื่อไม่มีปัญหาก็ไม่มีเรามานั่งทำงานให้ต้องจ่ายเงินเดือนจ่ายสวัสดิการ  คิดแบบนี้แล้ว ปัญหาจึงเป็นเรื่องปกติที่มักพบ และเราก็ต้องก้าวข้ามมันด้วยการคิดหาทางจัดการปัญหาให้พร้อม เตรียมอารมณ์ ร่างกาย และที่สำคัญคือเตรียมใจให้พร้อมรับสถานการณ์ปัญหาทุกเมื่อ
      คิดว่า “เป็นไปไม่ได้”     บ่อยครั้งทีเดียวที่เรามักคิดว่าปัญหาหลายอย่างที่มีนั้นเราแก้ไขอะไรไม่ได้   ผมอยากชวนให้มองว่า ปัญหาคือโอกาสที่เปิดทางให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ  หากเราไม่ยอมออกไปเผชิญกับหน้ากับปัญหาหรือความท้าทายที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้ามา ก็ไม่มีทางที่จะได้พัฒนาความคิดพัฒนาวิธีการทำงานให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่  ผู้รู้ท่านบอกไว้ว่า ปัญหาในการทำงานที่เกิดขึ้นนั้น มักช่วยให้เราเห็นถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราต้องการ  และยังช่วยให้เราตระหนักว่าอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ดีกว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็ได้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะลงมือจัดการกับปัญหาหรือความท้าทายที่ว่านั้นด้วยการ “ลงมือทำ”  มากกว่าที่จะนั่งรอและคอยแต่ตัดพ้อว่าตัวเองทำไม่ได้ 
      คิดว่า “เราไม่เก่ง” –  บางครั้งที่ลูกค้าไม่ชำระเงินเพราะปัญหาทางเทคนิคของสินค้าหรือบริการที่ไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้า เมื่อเรื่องตกมาถึงท่านก็นึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรเพราะท่านก็ไม่ได้รับผิดชอบโดยตรงแล้วคิดว่าปล่อยให้มันเป็นไปเถอะเพราะเราก็ไม่ได้เก่งพอที่จะแก้ไขปัญหาเช่นนั้นให้ลูกค้า หรือพลอยคิดไปว่าเราไม่ใช่หน่วยงานติดตามหนี้สินกับลูกค้า จากนั้นก็นั่งเฉย ๆ ปล่อยให้สถานการณ์เลยตามเลยทั้งที่ก็อยู่ในหน้าที่ที่รับผิดชอบ แบบนี้สถานการณ์คงไม่ดีแน่เลย !
หลายเรื่องที่ว่าไปนี้  นับเป็นอุปสรรคขัดขวางความคิดสร้างสรรค์และส่งผลต่อการงอกงามทางความคิดของเราอย่างไม่อาจคาดคิดเลยทีเดียว  นานเข้าเพื่อนร่วมงานรอบข้างก็ไม่อยากทำงานด้วย เพราะคุยไปใยให้เสียเวลา
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้ท่านก้าวข้ามความคิดทางลบไปได้ นั่นคือ ต้อง “คิดใหม่ในทางบวก”  และตั้งใจมุ่งมั่นปรับตัวเองอย่างต่อเนื่องในหลายเรื่องต่อไปนี้ครับ
·        เชื่อมั่นว่าปัญหาทุกเรื่องแก้ไขได้ –  โดยข้อเท็จจริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมแก้ไขได้ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาและแรงกายแรงใจทุ่มเทลงไป และต้องจัดลำดับความสำคัญให้ถูกต้องกับสถานการณ์และเวลา ไม่วิ่งหนีหรือปล่อยให้ปัญหาลุกลาม  โดยต้องไม่ลืมที่จะค้นหาสาเหตุของปัญหาเช่น ความไม่เรียบร้อยของบริการที่ให้กับลูกค้าตามที่ยกตัวอย่างไป จากนั้นจึงมีค้นหาวิธีการแก้ไขทั้งจากงานของเราเองและจากงานของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งมักจะเป็นไปได้ว่า ปัญหาที่กระทบกับลูกค้าเรื่องหนึ่ง มักจะมีคนที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ซึ่งต้องมาระดมสมองช่วยกันแก้ไขให้รอบคอบและรอบด้าน
นอกจากนี้ เราต้องตระหนักเสียก่อนว่า ปัญหาหรือสถานการณ์หลายเรื่องนั้นอาจจะนำมาซึ่งความขัดแย้งทางความคิดและวิธีการทำงานของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะต่างฝ่ายอาจจะถือเป้าหมายความสำเร็จและวิธีการที่อาจจะขัดแย้งกันในทีก็ได้  แต่ท่านก็ต้องไม่ลืมว่า แม้ปัญหาจะเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่เคยปรากฎมาก่อน  แต่ก็ยังต้องการการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ของสถานการณ์ที่อาจจะต้องเจอในวันข้างหน้า หรือสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อธุรกิจ  จึงควรต้องปลูกฝังนิสัยท้าทายสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นกับตัวอยู่เสมอ โดยคิดนอกกรอบการทำงานหรือแนวคิดเดิมๆ บ้าง
·        ไม่กลัวที่จะท้าทายสิ่งใหม่   บางครั้งความคิดที่เราเสนอไปทั้งตนเองและเพื่อนร่วมทีม อาจจะเจอปัญหาขัดแย้งกับความเชื่อ เมื่อเพื่อนร่วมทีมอาจจะเสนอวิธีการแก้ปัญหาที่ท้าทายกับสถานการณ์ หรือมีความเสี่ยงต่อธุรกิจ บางครั้ง เมื่อลองเสนอลูกค้าดู ปรากฎว่า ความคิดแบบท้าทายนั้นใช้ได้ผล แม้จะดูว่าโดยรวมแล้วสมใจคงไม่เหมาะกับนิสัยชอบความท้าทาย แต่ HR ก็ขอให้เธอคิดนอกกรอบเดิมๆ และลองไอเดียใหม่ๆบ้าง
·        ยอมรับการตัดสินใจของบุคคลอื่น   บางครั้งข้อเสนอหรือไอเดียของเราอาจจะไม่โดนใจหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่เราก็คิดว่าดีที่สุดในจุดที่มันเป็นแล้ว และกลับโดนวิพากษ์วิจารณ์จากเพื่อนร่วมงานที่เห็นต่างออกไป  จนกระทั่งไอเดีของเราไม่ได้นำไปใช้  กรณีเช่นนี้ก็ขอให้เราเข้าใจว่าเรื่องปรกติที่ไม่ควรเก็บเอามาเพาะเป็นความไม่พอใจระหว่างกัน  และควรมองว่าความเห็นที่แตกต่างจากเรานั้น อาจจะช่วยเสริมเติมแต่งให้ความคิดของเราบรรเจิดขึ้นก้อได้ แต่หากเกิดอคติกันแล้วย่อมไม่มีใครอยากฟังกัน ซึ่งนั่นนับว่าไม่ดีกับงานที่ต้องขับเคลื่อนร่วมกันแต่อย่างใดเลย
หากเราได้หาเวลานั่งทบทวนตัวเองแล้วปรับความคิดมุมมองเสียใหม่อเก็บเย่างที่ผมนำเสนอไป เชื่อเหลือเกินว่าผลงานปลายปีนี้ของท่าน จะดีขึ้นอย่างแน่นอน  และยิ่งคิดบวกแบบนี้ให้เป็นนิสัย โอกาสก้าวไกลในอาชีพการงานก็ไม่เกินกว่าจะเดินให้ถึงครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น