วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เคล็ดลับรับมือเพื่อนร่วมงานจอมอู้

ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านจะเคยเห็นเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้าง ๆ หรือถัดไปหลายโต๊ะ มีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดกับการทำงาน เพราะในขณะที่คนอื่นเค้าตั้งหน้าตั้งตาทำงาน คุณเธอจะเป็นประเภทที่เอาแต่เล่นเฟซบุ๊ก แอบเล่นเกมส์เศรษฐีทางไลน์ทุกทีที่มีคนทักเข้ามา เลือกซื้อชุดสวยบนเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์  หรือดูข่าวเม้าท์แหลกดาราผ่านทางเวบ หรือจะเกรงใจ (เพื่อนคนอื่นหน่อย) ก็เล่นผ่านทางมือถือของตัวเอง คนรอบข้างที่กำลังทำงานหนักอย่างตั้งใจ อาจจะรวมทั้งท่านด้วยนั้น ย่อมไม่ค่อยพอใจอย่างแน่นอน  
เรื่องพวกนี้ชวนให้หนักใจในการทำงานร่วมกันของคนหลากหลายในองค์กร เพราะมักจะพบเสมอว่าสภาพการณ์คนหนึ่งอู้คนหนึ่งตั้งใจทำงานนั้น  หากไม่นับที่เจ้าตัวคนชอบอู้นั้นไม่แคร์ใครหรือเป็นใหญ่อย่างไม่เป็นทางการมากในองค์กร (เช่นเป็นกิ๊กผู้จัดการ 555) แล้ว สภาพหรือบรรยากาศแบบนี้ มักจะบ่มเพาะมาจากเงื่อนไขที่หัวหน้าปล่อยปละละเลยเกินควร อาจจะผนวกเข้ากับคนทำงานต่างคนต่างอยู่ เรื่องของเธอชั้นไม่เกี่ยว
นานเข้าคนที่รับสภาพนี้ไม่ไหวห็จะลาออกไป เคราะห์ร้ายที่คนเก่งมักจะเป็นคนแรกที่ลาออกไปเพราะเบื่อหน่ายกับบรรยากาศและหัวหน้าที่ไม่จัดการอะไรเสียที  คงเหลืออยู่เฉพาะพนักงานที่สร้างโลกสวยส่วนตัวได้แต่ไม่รู้ว่ามีผลงานอย่างที่อยากได้เพียงใด
หากมีจอมอู้ในที่ทำงานของท่าน  ก็เห็นทีต้องมาช่วยกันทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ตามมาแล้วล่ะครับ
o     วิเคราะห์ผลกระทบ  -   ผมหมายถึงผลกระทบจากเพื่อนร่วมงานจอมอู้ที่มาถึงเราและตัวเขาเอง  ซึ่งอาจจะรวมไปถึงผลที่จะกระทบต่อการทำงานของเพื่อนร่วมงานคนอื่นอีก พร้อมกับพูดคุยกันภายในเพื่อให้รับทราบประเด็นปัญหานี้ร่วมกัน บางทีการอู้นั้น อาจจะเพราะเขาทำงานตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดเสร็จแล้วก็ได้ และอาจจะเพราะเขาทำงานได้รวดเร็วและงานน้อย ก็ไม่น่าจะเป็นความผิดเพราะขอบข่ายงานที่เค้าจะต้องทำมีเท่านี้  ที่จริงนั้นหากเรายุ่งมากเสียจนแทบจะไม่มีเวลาคิดที่จะอู้ดด้วยซ้ำ และหากเราก็ทำงานเร็วไม่ต่างจากจอมอู้ ก็สมควรจะต้องให้หัวหน้ามาช่วยจัดสรรงานกันใหม่ให้เหมาะสมนั่นเอง คงทำไม่ยากใช่มั้ยครับ  
o     ไม่ถลำตัวไปรำคาญ  -  แม้จะมีเพื่อนร่วมงานจอมอู้ ขี้เกียจทำงานอยู่ใกล้ ๆ แต่เราก็อย่าเผลอไปคอยคิดแต่รำคาญคุณเธอคนนั้น เพราะหากตกเข้าไปอยู่ในวังวนของความรำคาญ ก็รังแต่จะทำให้สุขภาพจิตเสื่อม  ราะบางทีความขี้เกียจนั้นอาจไม่มีผลใดๆ ต่องานของคนอื่นก็ได้ ตราบใดที่ยังไม่ต้องหยิบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือจอมอู้เหล่านั้น ก็อย่าเสียสุขภาพจิตตัวเองไปเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องของคนอื่นเลย 
o     คุยกันตรง ๆ   -  บางครั้งวิธีนี้อาจไม่ได้ผลเมื่อคุยกับจอมอู้ประเภท “ฉันไม่แคร์” แต่โดยปกติแล้วการที่เราในฐานะเพื่อนร่วมงาน (นี่ยังไม่ถึงมือหัวหน้านะครับ)  เข้าไปบอกถึงปัญหาและผลกระทบจากพฤติกรรมของเขากับเจ้าตัวตรงๆ  ก็จะช่วยทำให้จอมอู้ได้ฉุกคิดถึงพฤติกรรมแย่ๆ ที่กระทบกับคนอื่นจนอาจจะเปลี่ยนกลับมาเป็นคนไม่อู้ให้ขวางหูขวางตาชาวบ้านก็เป็นได้  แต่การพูดคุยก็ต้องไม่ผลีผลามหรือตำหนิกัน ไม่ใช้อารมณ์จนเกินควรเพราะอาจจะลามปามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตแบบไม่มองหน้ากันตลอดชาติเลยทีเดียว
o     บอกหัวหน้า   -   อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้า คนอู้นั้นอาจจะอู้เพราะก็รู้ว่าหัวหน้าคงไม่ทำอะไร  หากท่านพบเจอสถานการณ์จอมอู้เช่นนี้ คงต้องถึงเวลาเดินเข้าไปหาหัวหน้าและเล่าให้ฟังเสียหน่อย เล่าข้อเท็จจริงแบบไม่ต้องดราม่าเพราะไม่ใช่การฟ้องแต่ต้องมีหลักฐานรองรับ  เล่าถึงผลกระทบที่เกิดกับงานของเราและเพื่อนร่วมงานคนอื่น ที่สำคัญนั้นต้องไม่มีความแค้นเคืองส่วนตัว (ที่เป็นตัวจุดระเบิดชั้นเยี่ย) เข้ามาพัวพันโดยเด็ดขาด
o     อย่าช่วยปกปิด  -   ต่อมมโนธรรมของคนทำงานนั้นเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน  คนที่ต้อมนี้ขนาดโตหน่อยก็จะสำนึกได้กับสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรมากและปรับปรุงแก้ไขตัวเองได้รวดเร็ว  หน้าที่หนึ่งของเราที่พอทำได้คือช่วยพูดให้เพื่อนได้คิดไตร่ตรองถึงผลกระทบที่มีต่องานและเพื่อนร่วมงานคนอื่น  อย่าไปให้ท้ายโดยคอยแต่บอกว่าหัวหน้ามาแล้ว อย่าแบบเล่นไลน์นะ เดี๋ยวหัวหน้าจะดุเอาได้ เพราะยิ่งทำแบบนี้จอมอู้ก็จะยิ่งได้ใจ ในทางหนึ่งหากจอมอู้มาฝากงานให้ทำ เราก็ต้องปฏิเสธไม่รับอย่างสุภาพกลับไป
o      อาจมีอะไรมากกว่านั้น   -   พฤติกรรมจอมอู้นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่หมักหมมในตัวของคุณเธอคนนั้นมานาน และหัวหน้าตักเตือนกันไปหลายรอบ เข้าข่ายไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว และอาจจะถูกจับตาจากหัวหน้าอยู่แล้ว เพียงรอให้ขี้เกียจของจอมอู้เหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่ผิด ความจริงแล้วพวกนี้อาจถูกเตือนไปหลายรอบ หรือถูกจับตาอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เพียงแต่สถานการณ์ยังไม่สุกงอมพอที่จะมาเลิกจ้างกัน แบบนี้น่าจะแบบถาม HR นะว่าคิดและจะทำอย่างไร ?
o      อย่าเก็บมาคิดจนกระทบตัวเอง   -   แน่นอนว่าความขี้เกียจเป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยงและน่ารำคาญมาก แต่อย่าให้เรื่องนี้ต้องมากระทบกับอารมณ์และหน้าที่การงานจนเสียชื่อเสียง เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่ขยันย่อมได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่าเสมอ  ผมอยากฝากแง่คิดให้กับท่านไว้ว่า ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างใจที่เราต้องการ เพราะเค้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองยังทำยากแล้วเราเป็นใครหรือที่จะไปเปลี่ยนเค้ามาให้เป็นอย่างที่เราอยากเห็นอยากให้เป็น  สู้มาปรับเลี่ยนที่วิธีคิดวิธีการทำงานของเราน่าจะได้ผลและรวดเร็วมากกว่า ซ้ำยังได้ประโยชน์กับตัวเราเองโดยตรง แต่หากท่านต้องรับมือกับเพื่อนร่วมงานจอมอู้โดยลองสารพัดวิธีแก้ไขที่แนะนำไปแล้วก็ยังไม่เห็นผล ก็เห็นทีจะต้องเข้าโหมดทำใจ  แบบนี้ก็อยากให้ท่านคิดเสียว่า ไม่มีคนใดที่จะทำให้เราต้องเจ็บช้ำใจได้หรอก นอกจากเราจะคิดให้มันเป็นเช่นนั้นเอง  
ทดลองนำแง่คิดนี้ ไปไตร่ตรองกับการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานของท่านดูนะครับ  เผื่อจะได้ประโยชน์บ้าง  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น