วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

DNA ของ Recruiters

จำได้ว่าในช่วงที่เป็นวิทยากรอบรมหลักสูตร Personnel Management หรือ PM ให้กับสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทยหรือ PMAT ที่คนทำงาน HR รู้จักกันดี เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา ประเด็นหนึ่งที่ผมจุดประกายให้ผู้เข้ารับการอบรมได้คิดคือคุณลักษณะเชิงจิตวิทยาและพฤติกรรม (ที่เรียกว่า Traits) ของคนที่ทำงานสรรหาบุคลากร (Recruiters)  นั้นมีอะไรบ้าง  และหากเจาะจงลงไปถึงแก่นแกนของวิธีคิดและทัศนคติของ Recruiters แล้ว จะต้องเป็นอย่างไร และในระดับมากน้อยเพียงใด

พลันที่ท่านผู้เข้ารับการอบรมเอ่ยคำหนึ่งคือ DHA ของ Recruiters ขึ้นมา ก็ชวนให้ได้นึกต่อไปว่าคำนี้ก็น่าสนใจไม้น้อย  เพราะเราเองก็คงจะคุ้นเคยกับศัพท์คำนี้ที่เราอุปมาอุปมัยไปใช้ในการทำความเข้าใจเรื่องหนึ่ง ๆ  เช่นเวลาที่เราพูดถึงคุณลักษณะของคนที่ทำงานให้บริการอย่างเป็นเยี่ยม ก็พูดเสียโก้ว่า “Service DNA 

แต่หากอยากจะเป็น Recruiters ที่ทำงานสรรหาได้อย่างเป็นเลิศล่ะ  จะเรียกว่า Recruitment DNA พอไหวมั้ยครับ 

ก่อนอื่นนั้น ช่วยฉงนใจนักว่า จะใช้คำ DNA ในศัพท์ทางวิทยาศาสตร์มาอุปมาอุปมัยใช้ได้เหมาะหรือเปล่า  เพราะ DNA นั้นเป็น Deoxyribonucleic Acid อันเป็นโมเลกุลในเซลล์ของมนุษย์ที่มีรหัสคำสั่งทางพันธุกรรม (genetic instructions) สำหรับการพัฒนาและการทำงานของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ออกแนววิธีคิดหรือพฤติกรรมเลย 

งั้นก็จะมอง DNA ในคำใหม่แบบเท่ห์ๆ ว่าเป็นตัวย่อของ  Dynamic Natural Abilities แปลความได้ว่าเป็นความสามารถตามธรรมชาติที่เป็นพลวัตไม่หยุดนิ่งและเกิดจากการเรียนรู้ของคนเป็นหลัก ซึ่งเป็นคำของ Jim Schnyder นำเสนอไว้  พอจะกล้อมแกล้มได้หรือเปล่าครับ

DNA หรือธรรมชาติของคนที่ทำงานสรรหาไม่ว่าในองค์กรใด และทำงานในภูมิศาสตร์แบบไหนก็น่าจะไม่แตกต่างกัน เว้นแต่รายละเอียดทางเทคนิค และเครื่องมือที่องค์กรเลือกใช้จะไม่เหมือนกันเท่านั้น ผมจึงมองว่า นักสรรหาบุคลากรนั้นควรจะต้องมีคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ (unique qualities) ที่ไม่ต่างกัน  อันสรุปได้ 10 อย่างดังนี้  

1)   แข่งขันเสมอ (Competitive)
Recruiters ที่ทำงานแบบมืออาชีพนั้นจะมองงานสรรหาว่าเป็นสงครามของการแย่งชิงคนเก่ง (War for Talents) ที่ตัวเองต้องแสวงหากลยุทธ์ เทคนิควิธีการผสานกันเข้ากับเครื่องไม้เครื่องมือทางเทคโนโลยีเช่น Social Media ในอันที่จะทำให้ได้มาซึ่งความคิดริเริ่มที่เป็นเลิศและการันตีได้ว่าจะทำให้องค์กรมีคนที่ใช่มาร่วมงานอยู่เสมอ แม้ในเวลาที่องค์กรยังไม่ต้องการคนมาเสริมทีม ก็จะมีคนมาสมัครและขึ้นบัญชีรอไว้เป็นแถวเพื่อเข้าร่วมงานในอนาคต

2)   ลงมือก่อนคนอื่น (Early Adopter)
Recruiters ตัวยง จะมองเทคนิคใหม่ที่จะช่วยให้การแข่งขันสรรหาคนเข้าทำงานมาความได้เปรียบหรือช่วยให้องค์กรเป็นทางเลือกที่ผู้สมัครงานสนใจมาร่วมงานด้วย ซึ่งในหลายครั้งก็ต้องมองช่องทางการสรรหาให้ออก และเล่นเกมส์ารแก่งแย่งชิงคนเก่งที่ท้าทายมีลูกเล่นแพรวพราว เหนือกว่าคู่แข่งที่แท้จริงก็คงไม่ยอมแพ้และไม่ยอมตกเป็นรองเราง่าย ๆ   แต่การที่จะลงมือก่อนคนอื่นนี้  จำเป็นต้องอาศัยเงื่อนไขในใจของ Recruiters ที่อยากรู้อยากเห็น ชอบท้าทายสิ่งใหม่ ๆ เพื่อนำมาทำให้การสรรหามีประสิทธิภาพมากขึ้นและดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ 

3)   มองประสิทธิผลของงาน (Concern for Operational Excellence)
Recruiters ต้องมีขีดความสามารถในการทำงานสรรหาได้อย่างเป็นระบบ มองงานทั้งกระบวนให้ออก มองให้ขาดว่าจุดอ่อนในงานสรรหาที่จะต้องปรับปรุง  และงานตรงจุดไหนบ้างที่เป็นจุดแข็งที่จะต้องเสริมการพัฒนาให้โดดเด่นยิ่งยิ่งขึ้นไป  
4)   ยืดหยุ่นปรับตัว (Flexibility/Adaptability)
Recruiters มักจะต้องเป็นคนที่มีแนวโน้มปรับตัวได้เก่งกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน  มองความเป็นไปในตลาดแรงงานได้ชัดเจนถึง scenario ในอนาคต  Recruiters  หลายคน นำเอาเทคนิคการ “Adopt, Adapt & Adept” ของ Deming  มาใช้กับงาน  แนวคิดนี้มีสาระสำคัญอยู่ว่า การทำงานให้มีประสิทธิภาพนั้น จำต้องปรับเอาแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (adopting  solid best practices) มาใช้กับงานที่ทำให้ได้ (adapting to be your own) หลังจากนั้นก็สร้างความเชี่ยวชาญกับงานให้ได้ด้วยการเรียนรู้ให้ลึก (becoming more adept at it)   
5)   กล้ารับความเสี่ยง (Risk Taking)
Recruiters จะต้องไม่กลัวและไม่ปฏิเสธความเปลี่ยนแผลง และต้องทำลองทำสิ่งใหม่ที่อาจจะไม่คุ้นเคยหรือเคยทำมาก่อน แม้ว่าผลลัพธ์อาจจะไม่ได้อะไรเกิดขึ้นมากนักก็ตาม  
Recruiters ต้องคิดให้ได้ว่า ไม่ลงทุนทำอะไร ก็อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรอย่างที่อยากได้เช่นกัน  
6)   เป็นผู้สอน/ที่ปรึกษา (Teacher/Advisor)
Recruiters มักจะต้องสอนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์งานสรรหาให้กับคนที่เกี่ยวข้องเสมอ  และยังต้องมีบทบาทให้คำปรึกษาเพื่อหาคนเข้าทำงานที่ใช่ที่สุดกับทุกหน่วยงานต้นสังกัดที่ต้องการคนทำงาน   
7)   ช่างสืบเสาะค้นหา (Minecraft)
Minecraft  นี้ไม่ใช่ชื่อของเกมส์ออนไลน์ที่โด่งดัง แต่ Recruiters ควรทำตัวเป็นเหมือนกับนักขุดทอง จะรู้ว่าแร่ใดที่จะมีทองคำล้ำค่าที่เขาต้องการแอบซ่อนอยู่  เปรียบเหมือนกับตลาดแรงงานในบางตำแหน่ง (เช่น IT) ที่คนเก่งที่เชี่ยวชาญลึกลึกในงาน จะเป็นพวกไม่ร่อนประวัติสมัครงานไปตามองค์กร  นักขุดค้นหาคนเก่ง จะต้องเรียนรู้และสร้างประสบการณ์กับการเข้าถึงคนเหล่านี้ที่หาได้ยากในตลาดแรงงานให้ได้  
8)   สร้างอิทธิพลคนอื่น (Influencer)
การสร้างอิทธิพลคนอื่นนี้ นับว่าเป็น DNA ร่วมของ  Recruiters ทั้งหลาย ไม่ใช่ชื่อของเกมส์ออนไลน์ที่โด่งดัง แต่ ควรทำตัวเป็นเหมือนกับนักขุดทอง
9)   เชื่อถือได้ (Trustworthy)
ปกติแล้ว Recruiters  ต้องใช้เสียงทางโทรศัพท์ก่อนที่จะได้เจอและพูดคุยกับผู้สมัครงานแบบตัวเป็น ๆ ความสัตย์ซื่อ เป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาได้ผ่านน้ำเสียงของ Recruiters  หากผสานเข้าด้วยการรู้จักฟังเพื่อจับใจความให้ชัด  จะช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือในการรับรู้ของผู้สมัครงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
 
10)       ไม่ย่อท้อยอมแพ้ง่าย ๆ (Tenacity)
บ่อยครั้งที่ Recruiters จะพบเจอกับสถานการณ์ที่ผิดหวัง ผิดหวังเพราะผู้สมัครงานไม่สนใจ  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่เราสู้คู่แข่งไม่ได้ ไม่ว่าจะผิดหวังเพราะเงื่อนไขการจ้าง ไม่อาจ offer หรือขาดความสามารถในการจ่าย (ability to pay) ให้ผู้สมัครที่อยากได้มาร่วมงานใจแทบขาดได้  หรือองค์กรไม่ได้โดดเด่นมีแบรนด์นายจ้าง (Employer Branding) ที่เข้มแข็งเท่าเทียมองค์กรอื่น แต่มืออาชีพจะไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ  เขาจะหมั่นหาวิธีการใหม่ ๆ มาใช้เพื่อให้การสรรหาคนที่ใช่สัมฤทธิ์ผล  ไม่วันนี้ก็วันหน้า  

รายการ 10 อย่างของ DNA คนสรรหาที่ผมนำเสนอไปนั้น หากว่ากันตามจริงแล้ว บางอย่างนั้นก็เป็นสิ่งที่อยู่ภายใน (innate) กับบางอย่างก็เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ (learned behavior) จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจเรียนได้จากตำราที่สอนระดับปริญญาตรีหรือระดับใด ไม่อาจได้มากจากการอบรมอย่างเข้มข้นแต่ปราศจากการนำมาปฏิบัติงานจริง  และไม่น่าจะเกิดขึ้นในซีกของโลกวิชาการที่ช่วยให้ไอเดีย หากแต่ต้องนำไอเดียนั้นไปทดลองทำให้เกิดผล
ท่านผู้อ่านเห็นด้วยไหมครับ  หากเห็นด้วยหรือพอรับได้  ต่อไปก็คงต้องทดลองนำไปทำให้เป็นผลแล้วล่ะครับ !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น