วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

Candidate Rating งานสำคัญก่อนสัมภาษณ์

Candidate Rating จัดได้ว่าเป็นงานที่มีความสำคัญต้นทางของการสรรหาและคัดเลือกผู้สมัครเข้าทดสอบและสัมภาษณ์งานในลำดับถัดไป  แปลความแบบตรงตัวได้ว่าเป็นการให้คะแนนผู้สมัครงานแต่ละราย โดยเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้     

บางท่านอาจจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีในชื่อทางเทคนิคว่าการคัดกรองผู้สมัครงานที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์หรือ Short-listing 

ขยายความได้ว่า Candidate Rating หรือ Short-listing นั้น เป็นการคัดกรองผู้สมัครงานให้ตรงตามเกณฑ์คุณสมบัติที่กำหนด จากนั้นก็มาจัดทำรายการเปรียบเทียบคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละราย ปกติแล้วก็จำนวนไม่มากนัก (3-7 คน ตามแต่องค์กรจะใช้เลขใดเป็นเลขสวย) ถือว่าเป็นคนกลุ่ม Shortlisted ที่กลั่นกรองแล้ว จะนำเข้าสู่การทดสอบและสัมภาษณ์ต่อไป

การหาผู้สมัครงานที่เป็น Shortlisted เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบและเป็นระบบให้ได้  เกณฑ์ที่กำหนดจะต้องชัดเจน มีการแบ่งคะแนนและให้น้ำหนักกันให้ชัด ครอบคลุมทั้งสมรรถนะ (ความรู้+ทักษะ+ความสามารถ) และประสบการณ์ในงานที่ต้องการตามตำแหน่ง  ที่สำคัญต้องวัดผลหรือประเมินสิ่งที่กำหนดไว้เป็นเกณฑ์การคัดเลือก (selection criteria) ให้ได้อย่างชัดเจน การเลือก Shortlisted จึงจะเป็นผล

สิ่งสำคัญของการทำ Candidate Rating นั้นเห็นจะได้แก่การกำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือก ซึ่งผมมีคำแนะนำเล็ก ๆ เพื่อให้ Recruiters ได้ลองนำไปทดลองใช้ทดลองทำดังนี้

1.  ควรแบ่งเกณฑ์การคัดเลือก (selection criteria) ออกเป็นหลายกลุ่ม ได้แก่
- เกณฑ์คุณสมบัติที่ต้องมี (A Must / Essential Criteria) เป็นคุณสมบัติที่ต้องมี ไม่มีแล้วจะทำให้ทำงานได้ประสบความสำเร็จลำบาก หากหาไม่ได้จากผู้สมัครงาน ก็อย่าคัดเลือกมาสัมภาษณ์เลย อะไรประมาณนั้น
- เกณฑ์คุณสมบัติที่พึงประสงค์ (Desirable Criteria) ควรจะต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้ เพื่อให้ทำงานได้ผลดีขึ้น

- เกณฑ์เสริม (Supplementary Criteria) มีคุณสมบัติเหล่านี้ก็ดี  ไม่มีก็ไม่ได้ซีเรียสใหญ่โต  แต่มีคุณสมบัติเหล่านี้ก็ย่อมดีกว่าไม่มี

 2.  ให้น้ำหนักคะแนนกับเกณฑ์ (criteria weighting) เพื่อเป็นตัวคูณสำหรับการประเมินแบบให้ค่าคะแนน (Rating Scale) ตามตัวอย่างต่อไปนี้ 

เกณฑ์                                                 ค่าน้ำหนักคะแนน
เกณฑ์คุณสมบัติที่ต้องมี (A Must / Essential Criteria)                  X 5
          เกณฑ์คุณสมบัติที่พึงประสงค์ (Desirable Criteria)                       X 3
            เกณฑ์คุณสมบัติเสริม (Desirable Criteria)                                  X 2 

          3. การเลือกคุณสมบัติเข้าเกณฑ์แต่ละประเภทที่ผมนำเสนอตามตารางก่อนหน้านั้น ว่าไปแล้วก็คือคุณสมบุติตามงานที่ทำจาก Role Profile หรือ Job Description และหากองค์กรใดทำเรื่องสมรรถนะ สิ่งที่จะเอามาระบุไว้ในตารางก็อาจทำได้ง่าย ๆ โดยนำรายการสมรรถนะหรือ Competency ที่ท่านคุ้นเคยกันนั้นมาเขียนไว้เสียเลย  พูดกันง่าย ๆ ก็คือไม่ใช่สมรรถนะเท่านั้นที่จะนำเอามาใช้ประเมิน  

ส่วนการจะตัดสินใจว่าคุณสมบัติเรื่องใดที่เป็นคุณสมบัติที่ต้องมี  คุณสมบัติที่พึงประสงค์ หรือคุณสมบัติเสริมนั้น  HR ก็น่าจะต้องพูดคุยสรุปกับผู้บังคับบัญชาในแต่ละสังกัด เพื่อให้ได้สิ่งที่ตรงกับความต้องการตามตำแหน่งงานอย่างแท้จริง

4. คะแนนที่ท่านจะให้ผู้สมัครงานแต่ละคนในแต่ละเกณฑ์นั้น  องค์กรส่วนมากแล้วก็จะกำหนดวิธีการให้คะแนนแบบประมาณค่า ที่ภาษาทางเทคนิคเรียกว่า Rating Scale  ท่านอาจจะกำหนดค่าคะแนนที่จะให้กับผู้สมัครงานได้  แล้วเอาคะแนนที่ท่านประเมินมาใส่ไว้ในช่องของแต่ละเกณฑ์

5. ในบางองค์กรที่ต้นสังกัดจะทำการคัดเลือกคุณสมบัติของผู้สมัครงานก่อนที่จะส่งต่อให้ HR นัดหมายทดสอบและสัมภาษณ์  ก็ย่อมต้องการการเปรียบเทียบผู้สมัครงานแต่ละคนที่เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น   การที่ Recruit  สร้างเครื่องมือประเมินคุณสมบัติผู้สมัครงานมาดังกล่าวแล้ว  ก็ควรต้องสื่อสารการทำ Short-listing นั้น ให้ผู้คัดเลือกและสัมภาษณ์ของแต่ละสังกัดทราบและเข้าใจแนวทางการใช้งานประกอบการคัดเลือกก่อนเข้าสัมภาษณ์ที่ชัดเจน  เชื่อว่า หากท่านไม่ออกแบบให้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อน หรือทำให้มันใช้งานง่าย ๆ  โอกาสที่จะได้รับความสนับสนุนจากแต่ละสังกัดก็ไม่ยาก

จะพัฒนาเครื่องมือใดในงาน HR ควรต้องคิดให้หนักว่า สร้างขึ้นมาแล้ว แต่ละฝ่ายงานที่ต้องใช้เครื่องมือหรือแบบฟอร์มของเรา จะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่เราอยากให้ได้หรือเปล่า  เรื่องแบบนี้  ห้ามลืมครับ 

สุดท้ายนั้น มีประเด็นว่า ท่านควรจะต้องทำเกณฑ์การประเมินผู้สมัครงานที่จะเป็น Shortlisted กับทุกตำแหน่งงานเลยใช่หรือไม่ ?  ตอบว่า แม่นแล้วแล้ว  ต้องทำกับทุกตำแหน่งเลย  แต่ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ พัฒนาไป  เสนอไว้เป็นโครงการปรับปรุงพัฒนางานของ Recruit เสียเลย  ทำมันได้ทั้งปี แถมมีแต้มต่อไว้ประเมินผลปลายปีด้วย ดีกว่าแค่ทำงานไปวัน ๆ อย่างที่คุ้นเคย จริงมั้ยครับ   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น