วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ถึงเวลาพลิกฟื้น...แรงจูงใจในการทำงาน....


องค์กรของท่านเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า ?
·         แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน  เผลอแว๊บเดียว นินทากันต่อหน้าเจ้านายเห็น ๆ
·         พูดจากันดีดีไม่ค่อยมี  ใช้อารมณ์มากกว่าสิต
·         เอาชนะคะคานกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
·         พนักงานไม่ค่อยเชื่อฟังหัวหน้า ถึงเชื่อก็เชื่อแบบงั้น ๆ เสียมิได้มากกว่า
·         ผลงานของพนักงานและหน่วยงานตกต่ำลงอย่างน่าตกใจ...
·         การทำงานไม่ค่อยมีคุณภาพ ไม่มีผลงานใหม่ ๆ ทำงานไปวัน ๆ น่ะพอไหว
·         พนักงานขาดหรือลางานบ่อย จนผิดสังเกต หรือมาทำงานสายเป็นประจำ
·         พนักงานลาออกบ่อย เข้ามาทำงานไม่ทันไร ออกไปหางานใหม่แล้ว เหมือนกันบริษัทเป็น academy เลย 
·         พนักงานไม่ค่อยสนใจกฎระเบียบของบริษัท
นี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของ “งาน” ที่เราท่านมักพบกันได้เสมอ  และเป็นตัวอย่างเพียงปัญหาที่เกิดจากฟากฝั่งตัวบุคคล ไม่นับรวมปัญหาที่เกิดจากระบบงาน (work system) ที่อาจจะมีอีกมากมายนานัปการ  เอาแค่ตัวอย่างที่หยิบมานี้  เชื่อว่า หากองค์กรใดมีก็ย่อมเป็นที่ปวดหัวของทั้งผู้บริหาร และโดยเฉพาะ HR เป็นธรรมดาล่ะครับ   
คำถามก็คือ สภาพการณ์ที่ว่านี้  มีรากเหง้าปัญหาเกิดจากอะไรหรือ ?
ผู้รู้หลายท่าน ให้ความเห็นตรงกันว่า สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นหลายอย่างที่ว่าไปนั้น  มักเกิดมาจากการที่พนักงานในหน่วยงานมีแรงจูงใจ หรือขวัญกำลังใจในการทำงานตกต่ำ ซึ่งส่งผลต่อไปยังประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานที่จะลดต่ำลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยล่ะครับ  ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่า ขวัญกำลังใจ และแรงจูงใจของพนักงานที่ลดน้อยถอยลงนั้น  ทำให้ “ความอยาก” ที่จะทำอะไร ที่จะรับผิดชอบงานเพื่อองค์กร เพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือแม้แต่กระทั่งเพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงานของตัวเองลดลงไป
พอเกิดสภาพแบบนี้ แล้วขาดการแก้ไขเหลียวแล  หากพนักงานยังไม่สามารถทำอะไรกับชีวิตการทำงานได้มาก  เข้าทำนองลาออกก็กลับบริษัทอื่นจะไม่รับ  หรือไม่อยากเสี่ยงตกงาน พนักงานก็มีแนวโน้มจะทำงานเพียงเพื่อไม่ให้ “โดนด่า” แรง ๆ เท่านั้น  จะหวังทำงานอะไรที่สร้างมูลค่า สร้างคุณค่าให้กับหน่วยงานคงจะยาก.....
นั่นล่ะครับที่จะต้องหันมาพิจารณากันเรื่องของขวัญกำลังใจ และแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานกันสักนิด
วันนี้  ผมมีแนวคิดของ Beverly Kaye ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และ CEO ของ  Career  Systems International และเป็นผู้แต่ร่วมของหนังสือแนวรักโรแมนติค อีกสองเล่มที่มีชื่อเสียงคือ  ‘Em or Lose’ และ  ‘Em: Getting
Good People to Stay’  Kaye นำเสนอข้อคิดของเธอไว้ในบทความชื่อ “Career Development : Anytime Anyplace” ไว้ 2 เรื่องควรทำง่าย ๆ (แต่เวลาทำ...ไม่น่าจะง่ายเหมือนที่เขียนไว้น่ะสิ...) อย่างน่าสนใจทีเดียวครับ  ก็ลองมาดูกัน  เผื่อว่าจะเป็นคำตอบสำหรับการนำไปใช้สร้างขวัญกำลังใจ และแรงจูงใจในการทำงานให้กับเหล่าพนักงานของท่านหลายได้
 
เรื่องแรก  สอนงาน (coaching) อย่างถูกต้อง
หัวหน้างานจะต้องสอนงานอย่างถูกต้อง  ให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาแนะนำ และถ่ายทอดความรู้ทั้งหลายในการทำงาน เช่น วิธีการทำงาน ข้อควรระวัง โอกาสเกิดความผิดพลาดในการทำงาน เป็นต้น ให้กับพนักงาน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีการซักถาม แต่หากสำหรับลูกน้องคนไทย (ทั่วไป) ที่มักไม่ค่อยพูดหรือแสดงความคิดเห็นต่อหน้าหัวหน้าแล้วล่ะก็  หัวหน้าทั้งหลาย อาจจะต้องหมั่นติดตาม “ดู” และ “พูด” กันมากกว่าปรกติ  อย่าได้ทึกทักเอาว่า สอนงานกันครั้งเดียวจะรู้ทุกเรื่องเหมือนที่ตนเองอยากให้เป็น   พร้อมกันนั้น  หัวหน้างานทั้งหลาย  คงต้องเตรียมพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกครั้งที่พนักงานของท่านมีปัญหาที่แก้ไม่ตก หรือปัญหาในระดับที่เขายากจะรับมือ
 
เรื่องที่สอง  พัฒนาต่อเนื่อง
หัวหน้างาน จะต้องหมั่นให้พนักงานได้เรียนรู้ เพื่อเพิ่มพูนพัฒนาทักษะ และขีดความสามารถทั้งหลายที่จำเป็นต่อการสร้างผลงานที่ดีจากการทำงาน เป็นระยะ ๆ คำว่า “ต่อเนื่อง” ผมขอตีความง่าย ๆ ว่า “ไม่ทำ ๆ หยุด ๆ โดยขาดการติดตามผล” แน่นอนครับ  หัวหน้างานคงจะต้องรู้เสียก่อนว่า พนักงานของท่าน ยังจะต้องเติมเต็มสิ่งใดเข้าไปเพื่อให้มีทักษะความสามารถอันพึงประสงค์ หรือแม้แต่เพื่อสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมให้ได้  อย่างไรก็ตาม หัวหน้างานเองก็ไม่ควรเคร่งเครียดเอาเป็นเอาตายกันเสียทุกเรื่อง 
ผมเชื่อว่า การสร้างการเรียนรู้ให้กันพนักงานด้วยสภาพบรรยากาศที่มีความสุข  มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันมากกว่า “สั่ง” รวมทั้งใช้วิธีการที่หลากหลายในการเรียนรู้เช่น กิจกรรมให้ทำร่วมกัน เช่น กิจกรรม 5  กิจกรรมกลุ่มเสนอแนะ กิจกรรมกลุ่มคุณภาพ เป็นต้น หรือการมอบหมายงาน  การให้อ่านหนังสือแล้วมาแชร์สิ่งที่ได้จากการอ่านมาแล้วกัน  นอกจากจะก่อให้เกิดประสิทธิผลของการเรียนรู้ในหมู่พนักงานแล้ว  ลึก ๆ มันยังสร้าง “ความคุ้นชิน” กับการพัฒนาตนเองให้กับพนักงาน  และหากหัวหน้างานทำบ่อย ๆ เป็นระยะ ๆ ความคุ้นชินก็ง่ายที่จะซึมเข้าไปในหัวใจของพนักงานของท่าน  กระทั่ง “ขาดมันไม่ได้”....เช่น ช่วงใดที่ไม่ได้มาพูดคุยประสบการณ์ในการทำงานกัน พนักงานจะถามหา (ตรงข้ามกับทั่วไปที่เงียบ...ดีดี...ไม่ต้องจัดก็ดี...)  นี่สิครับ  สุดยอดของความปรารถนา
เมื่อบ่มเพาะนิสัยที่ดีของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องแล้ว  สิ่งที่พนักงานจะได้รับใกล้ตัวมากที่สุดคือ ความสุขจากการทำงานสำเร็จ และโอกาสความก้าวหน้าจากผลงานที่ทำขึ้นมา สะท้อนไปถึงความเจริญก้าวหน้าขององค์กร
เช่นเดียวกันครับ  เมื่อใดที่องค์กร “ขาดคุณไม่ได้..” เมื่อนั้นล่ะ คือ บทพิสูจน์ความเป็น “คนคุณภาพ” ของคุณแล้ว จริงมั้ยครับ
เอาล่ะครับ นำเสนอกันมาพอสมควรแล้ว  อยากเชิญผู้อ่านทุกท่านมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันดูสักนิด เพื่อสร้างแนวปฏิบัติที่ดีถ่ายทอดระหว่างกันครับ... 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น