วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การสรรหาผ่านเครือข่ายทางสังคม : รูปแบบใหม่ของการหาคนทำงาน

ในบทความเรื่อง “เรื่องน่าคิดของการหางานผ่านโลกไซเบอร์” ที่ผมนำเสนอไปเมื่อไม่นานมานี้  ผมได้ชี้ให้ท่านผู้อ่านเห็นว่า กระแส social media ที่พวกเราคุ้นเคยนั้น มาแรงเป็นอย่างมากในการสรรหาคนทำงานในยุคเทคโนโลยีล้ำอนาคตเช่นปัจจุบัน  หลากหลายองค์กรใช้ Facebook เพื่อแนะนำตำแหน่งงานและสร้างความสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่สนใจ โดยมุ่งหมายให้บอกต่อ ๆ กันไปด้วยการ Add Friends กระแสเช่นนี้ ได้กลายเป็นสิ่งพื้นฐานของวิธีการสมัครงานสำหรับองค์กรชั้นนำในปัจจุบัน


ผลพวงของการนำสื่อทางสังคมออนไลน์มาใช้ในโลกการรับสมัครงาน ได้ลดบทบาทของการสรรหาในแนวทางเดิมไปอย่างน่าตกใจ  ช่องทางการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรในแบบเดิมที่เน้นการประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานผ่านทางสื่อโฆษณา ทุกวันนี้มีราคาแพงและไม่ได้ให้ผลอย่างที่ต้องการเลยแม้แต่น้อย  ผมเคยมีประสบการณ์ด้วยตัวเองกับการลงประกาศรับสมัครงานทางหน้าหนังสือพิมพ์ (printed media) เพื่อเปิดรับตำแหน่ง “ผู้จัดการรุ่นใหม่ (Management Trainees)”  พบว่ามีผู้สมัครงานที่ได้รับข่าวสารจากทางหน้าสิ่งพิมพ์ที่เลือกลงโฆษณาเพียง 3 รายในช่วง 1 เดือนที่ลงประกาศไป เทียบเป็นต้นทุนต่อจำนวนผู้สมัครถึงคนละหมื่นกว่าบาท และถึงกับชอกช้ำใจตามมาเนื่องจากใบสมัครมามาจากช่องทางประชาสัมพันธ์ผ่านสิ่งพิมพ์กลับใช้ได้เพียง 1 คนจาก 3 ที่สมัครมาเท่านั้น  หากละเรื่องปัจจัยชื่อเสียงองค์กร และความไม่ประสงค์จะเปลี่ยนงานของคนเก่งในช่วงกลางปีแล้ว ก็น่าจะมาตั้งคำถามกันว่า “มันเกิดอะไรขึ้นกับช่องทางสรรหาแบบนี้ ?” 
ในบรรดาเครื่องมือและช่องทางการสรรหาที่ได้ผลในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศล้ำหน้าเช่นปัจจุบัน ดูเหมือนการสรรหาคนทำงานผ่านสื่อเครือข่ายทางสังคม (Social Media Recruitment หรือ Social Recruitment) ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในแวดวงคนทำงาน อาจจะด้วยเพราะช่องทางนี้ช่วยให้ผู้สมัครงานเข้าถึงได้มายากนัก เพราะเพียงแต่เปิด application บางตัวทางหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ก็รู้เลยว่าองค์กรใดต้องการรับสมัครงานบ้าง น่าสนใจติดตามสมัครงานหรือไม่ ? ช่องทางการรับสมัครงานแบบใหม่ล้ำนำสมัยนี้ เป็นอะไรที่ดึงดูดให้คนเลือกสมัครงานได้มากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์เดิมอย่างไม่น่าเชื่อ ซ้ำยังลดต้นทุนที่ต้องใช้เพื่อการประกาศรับสมัครงานขององค์กรลงไปได้มาก  ผู้เชี่ยวชานด้านงานสรรหาถึงกับบอกว่า ประกาศรับสมัครงานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากจะเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางง่ายดายแล้ว ช่วยให้องค์กรสามารถค้นหากลุ่มผู้สมัครงานที่มีศักยภาพในการตอบสนองงานขององค์กรได้มากขึ้น ทั้งยังประหยัดเวลาจากการที่ HR จะต้องสรุปรายงานการคัดเลือก candidate ลงไปได้ไม่น้อย  
อีกปัจจัยหนึ่งที่ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ทำให้วิธีการสรรหาแบบเดิมล้าสมัยลงไปทุกที่นั้น ก็เนื่องจากการพิจารณาความเหมาะสมของผู้สมัครงานในกรอบเดิม ๆ นั้นใช้เวลายาวนานเกินกว่าผู้สมัครงานคนเก่งจะรอไหว โดยเฉพาะในองค์กรขั้นนำที่เป็นที่หมายปองของคนทำงาน ก็ยิ่งมีปริมาณการสมัครงานมากตามไปด้วย หากจะใช้ช่องทางการส่งใบสมัครมาทางอีเมล์ แล้วมานั่งคัดเลือกทีละคนทีละคน หากมีผู้สมัครงานมาเป็นพัน วันหนึ่งหนึ่ง HR ก็แทบจะไม่ต้องทำอะไร  และคงไม่มีเวลาเหลือพอที่จะมานั่งคิดพัฒนาช่องทางสรรหาใหม่ ๆ ที่จะตอบโจทย์องค์กรได้มากขึ้น ขณะที่สื่อสรรหาออนไลน์บางอย่างเช่น Facebook ยังมีข้อดีที่ช่วยโชว์ภาพลักษณ์อันทันสมัย ตรงจริตจิตใจของวัยรุ่นคน Gen-Y ที่กำลังกลายมาเป็นกำลังคนกลุ่มหลักขององค์กร และมีข้อได้เปรียบอีกหลายอย่างเช่น  ผู้สมัครงานสามารถแชร์ profile สมัครงานของตนไปยังองค์กรให้สามารถคัดกรองตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ตามตำแหน่งงานว่างได้ทันที  ทั้งยังสามารถสื่อสารสองทางไปยังผู้สมัครงานในเรื่องที่อยากสอบถามเพิ่มเติมได้โดยตรง หากจะทดสอบหรือประเมินเบื้องต้นก็ไม่ยากนัก เพียงแต่ส่ง link ให้ผู้สมัครงานเข้าไปทดสอบ ก็จะได้ผลประเมินแบบไม่นานกว่าอึดใจเลยทีเดียว 
มองในมุมของผู้สมัครงาน การสรรหาผ่านเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ มีข้อดีที่ทำให้เขาติดตามความเคลื่อนไหวขององค์กรที่เขาสนใจได้อย่างใกล้ชิด ซ้ำยังได้เรียนรู้จักองค์กร ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่องค์กรขายต่อตลาด มีโอกาสได้ติดตามรับทราบข้อมูลข่าวสารขององค์กรได้กว้างขวางมากขึ้น  ง่ายที่ผู้สมัครงานจะประเมินตนเองว่าเหมาะเจาะลงตัวกับองค์กรที่กำลังดูข้อมูลเพียงใด เพราะหากไม่ใช่แล้ว ก็ไม่เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย สรุปว่า ได้ประโยชน์ทั้งผู้สมัครงานและผู้ที่กำลังต้องการคนทำงาน  
ความที่ผมว่าไปนี้เอง เป็นเหตุผลสำคัญที่สนับสนุนให้หลายองค์กรเปลี่ยนมาใช้รูปแบบการรับสมัครงานผ่านทางสื่อเครือข่ายสังคมมากขึ้นเป็นลำดับ  
โลกในการสรรหาคนทำงานสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก HR ที่ไม่มองการสรรหาในเชิงรุก ไม่หาวิธีการและเครื่องมือใหม่ ๆ มาใช้ก็มีแนวโน้มจะตกยุคตกขบวนรถไฟสายการเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเสียดาย
ยังไม่สายที่ HR รุ่นใหม่และรุ่นลายครามจะเรียนรู้เครื่องมือสรรหาแบบใหม่ของโลกยุค 3.0  เอาใจช่วยนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น