วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

4 กลุ่มมาตรการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความอยู่รอดให้องค์การ


ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ และกระหน่ำซ้ำเติมด้วยการประท้วงที่ขยายขอบเขตและความตึงเตรียดมากขึ้นของกลุ่มคนเสื้อแดง หลังจากกลุ่มคนเสื้อเหลืองยุติไปไม่นาน องค์การและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเดินทางลู่เข้าทาง กลับต้องถอยหลังเข้าไป

 ผมเองจะทำงานในแวดวงรัฐศาสตร์และการบริหารงานภาครัฐมาสักระยะหนึ่งไม่นานนัก  แต่เมื่อมาทำงานในภาคเอกชนเช่นปัจจุบัน  ผมยังรู้สึกว่า มีความสุขและพึงพอใจในการทำงานมากกว่า  ระบบงานยืดหยุ่นกว่าระบบราชการมากมายนัก ไม่ว่าในภาวการณ์เช่นใด  ผมกำลังคิดว่า เวลาใด (ชาติภพไหน) ที่แม้แต่หน่วยงานภาครัฐจะตามติดภาคเอกชน  เพราะไม่ว่าหน่วยงานภาครัฐจะสรรหาหรืออกกฎหมายเพื่อสร้างระบบบริหารจัดการที่ดีเพียงใด แต่ทรัพยากรบุคคลที่เป็นส่วนสำคัญและสำคัญในลำดับมากที่สุดขององค์การยังขาดศักยภาพแล้ว ระบบบริหารจัดการที่ว่าดีนั้นก็ไปไม่รอดเช่นกันครับ  

ในแต่ละวันหนึ่ง ๆ เราจึงเห็นกิจกรรมของพนักงานภาครัฐจำนวนไม่น้อย ทำเรื่องที่ไม่ได้สร้างประโยชน์โภชน์ผลให้กับสังคมเลย เช่นการวิ่งธงให้คนสามัคคีกัน ใช้เงินมหาศาล แต่ไปโกงเงินค่านมให้เด็ก นี่หล่ะครับ สังคมของการบริหารหน่วยงานภาครัฐจำนวนหนึ่งที่ผมพบมาเป็นประสบการณ์  

การจะหน่วยงานภาครัฐจะมาเรียกร้องแต่ให้ภาคเอกชนเค้าต้องประหยัด รัดเข็มขัด นั้น เชื่อได้เลยว่าเค้าทำอยู่แล้วครับ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้ เพราะพนักงานอีกจำนวนมหาศาลที่ต้องอยู่รอดไปกับองค์การ แต่หน่วยงานภาครัฐเอกสิครับ  คิดมีมาตรการประหยัดอะไรหรือเปล่า องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่ง ตั้งอยู่ในป่าในเขา  เก็บรายได้ที่เป็นภาษีค่าธรรมเนียมจากประชาชนทั้งปีได้ไม่กี่บาท  แต่สร้างอาคารสำนักงานซะใหญ่โต ใช้เงินไม่น่าจะน้อยกว่า 10 ล้านบาท เพราะอะไรหรือ ???     

ต้องขออภัยครับ เป็นว่าบ่นให้ฟังเล็กน้อย เพราะต้องรับมือกับอะไรหลายเรื่อง และคิดต่อว่าในภาวะที่ต้องรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ หน่วยงานภาครัฐที่บริโภคภาษีประชาชนอย่างเรา ช่วยทำอะไรบ้าง   

ตัวผมเอง แม้เป็นเพียงฝุ่นละออกเล็ก ๆ ในระบบเศรษฐกิจ  เขียนบทความเล็ก ๆ ลงในเวบในฐานะสมาชิกส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก็ยังภูมิใจมากกว่าคณาจารย์ของสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ที่ดีแต่นั่งสอนเอาค่าสอน  แต่ไม่เคยบอกอะไรดีดีให้กับสังคมบ้างเลย  เป็นต้นครับ....

กลับมาคุยกันต่อเรื่องที่เกริ่นไว้ครับ คือ 4  มาตรการที่หน่วยงานต้องทำเพื่อสร้างประสิทธิภาพและความอยู่รอดให้กับองค์การ มาดูกันครับ  

มาตรการแรก  มาตรการควบคุมค่าใช้จ่าย  ในโลกของธุรกิจสมัยนี้ เค้าใช้ซอฟท์แวร์เพื่อให้ช่วยในการบริหารกันแพร่หลาย ในขณะที่การบริหารอัตรากำลังคนก็ไม่เน้นการจ้างคนอย่างไม่พินิจพิเคราะห์   องค์การชั้นนำและชั้นไม่นำจำนวนไม่น้อย เลือกที่จะจ้างพนักงานประจำไว้เฉพาะกลุ่มพนักงานที่อยู่ใน Core Business ที่เป็นกลุ่ม Support Business ก็ใช้วิธีการจ้างพนักงาน  Outsource  ซึ่งก็ช่วยองค์การประหยัดค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนการจ้างงาน และการพัฒนาบุคลากรในระยะปานกลางและระยะยาวได้มหาศาล และสามารถทุ่มเททรัพยากรได้เต็มที่กับการพัฒนาบุคลากรที่อยู่ใน Core Business ขององค์การ  

ในส่วนของการบริหารภายใน  ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องลดลำดับต้น ๆ นั้นได้แก่ การลดค่าลวงเวลาในการทำงานลง ลดอัตราการร้องทุกข์ของพนักงาน ลดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้ประสานการทำงานได้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการลดภาระของผู้บังคับบัญชาที่จะต้องมาจ้ำจี้จ้ำไชการทำงานกันลง  เมื่อได้แบบนี้ เราก็ไม่ต้องมาลดค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงานลง  ผมคิดว่า ผู้บริหาร HR ที่สายตาสั้นเท่านั้น ที่สนใจแต่จะตัดลดค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร โดยที่ไม่ได้มีแนวทางการฝึกอบรมอื่นใดมาสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทดแทน

มาตรการที่สอง  มาตรการเพิ่มรายได้ วิธีการหลัก ๆ ก็คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่เข้าสู่ตลาด รวมทั้งที่สำคัญคือการสร้างหรือกระตุ้นความต้องการบริโภคของประชาชน  ควบคู่ไปกับการที่ผู้บริหารงานชายลดภาระงานในสำนักงาน และใช้เวลาให้มากที่สุดกับลูกค้า และการเพิ่มทักษะในการขายให้กับพนักงาน  เช่นทักษะในการให้บริการลูกค้า  ซึ่งธรรมดาก็ต้องอาศัยการฝึกอบรมล่ะครับ  รวมทั้งการ support ลูกค้าขององค์การที่เป็น dealer เพื่อให้ขายสินค้าได้มากขึ้น ก็จะกลับมาซื้อของจากเราเพิ่มขึ้นเป็นต้น

มาตรการที่สาม  สร้างความพึงพอใจในการทำงานให้กับพนักงานและลูกค้า  โดยการปรับปรุงกระบวนการหรือขั้นตอนการทำงานที่จะต้องให้บริการลูกค้าของกลุ่มงานที่ต้องสัมผัสใกล้ชิด  ผู้รู้หลายท่านแนะนำว่า มีการพัฒนางานด้วยการจับเวลารับสายและตอบปัญหาลูกค้าของพนักงาน Customer Service Representative (CSR) กันเลย ด้วยการดูระยะเวลาในการตอบ (response time) ระยะเวลาในการให้บริการลูกค้าที่สั้นที่สุด (service call) เป็นต้น  ในส่วนของการเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานให้กับพนักงานนั้น  สามารถทำได้อย่างหลากหลาย ผมคงไม่ขอกล่าวในรายละเอียด แต่ขอเสนอหลักการสำหรับ HR ด้านการฝึกอบรม (เป็นต้น)  ไว้ว่า ควรจะหาเครื่องมือ โปรแกรมหรืออะไรใหม่ ๆ มาใช้เพื่อประกอบการฝึกอบรมพัฒนาพนักงานเช่น ใช้ e-Training ที่สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ แนะนำให้ใช้ และมีการฝึกอบรมให้กับองค์การภายนอก  จะดีกว่าครับ  และใช้เวลาส่วนที่เหลือ ไปสร้างสรรค์โครงการหรือกิจกรรมใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ หรือการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า  หรือเอาเวลานั้นไปใช้คิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อจะ support ฝ่ายขายกำหนดกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างเพื่อดึงดูดใจลูกค้าได้มากขึ้น จะดีกว่าครับ 

มาตรการที่สี่  มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมงาน รวมทั้งการตอบสนองต่อความต้องการเขิง  มาตรการในกลุ่มนี้ เป็นมาตรการในเชิงการป้องกันความเสี่ยง (risk avoiding) ที่อาจจะเกิดกับธุรกิจ  ด้วยการจัดให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านนี้ เป็นกลุ่มงานที่คล่องตัว มีขนาดประมาณคณะทำงาน 3-5-7 คน  ทำหน้าที่ในเรื่องการบริหารความเสี่ยงขององค์การเป็นงานหลัก ซึ่งคนกลุ่มนี้ จะต้องสร้างแผนฉุกเฉินเพื่อรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ  ในแง่ของการปฏิบัติการทางธุรกิจ หรือเรียกรวม ๆ ว่า “Risk Management Plan”  เช่น แผนงานลดผลกระทบจากการประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง นอกจากนี้ ก็ยังควรที่จะต้องมีการวางแผนกำลังคนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจด้วย เป็นต้น 

คงจะพอได้แนวคิดเพิ่มเติมสักนิดใช่มั๊ยครับ  
           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น