วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภาวะผู้นำ ไม่ได้สร้างกันได้ใน 3 วัน 7 วันนะ...

ภาวะผู้นำ มักเป็นคุณสมบัติข้อกำหนดเบื้องต้นที่หลายองค์การ ใช้ในการคัดเลือกคัดสรรคนเข้ามาทำงาน และเป็นหัวข้อหลักหัวข้อหนึ่งที่ใช้ในการฝึกอบรม รวมไปถึงเป็นเกณฑ์หลักสำคัญของการปรับเลื่อนระดับพนักงานเข้าสู่ตำแหน่งทางการบริหาร ในแทบจะทุกองค์การ และเราก็พบเห็นได้ทั่วไป
ปรากฎการณ์ใหม่ที่เริ่มพบเห็นได้ในหลายองค์การ ที่ผู้รู้หลายท่านนำมาเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งคือ การที่คนรุ่น Gen-Y เริ่มได้รับการแต่งตั้งขึ้นสู่ระดับชั้นหัวหน้างาน หรือผู้บริหารหน่วยงาน พร้อมกับเกิดปัญหาความยุ่งยากของการบริหารคนต่างรุ่นต่างวัยที่ Gen-Y ก็ยากที่จะรับมือ หรือแทบจะไม่ค่อยไหว นอกจากนี้  ยังมีอีกมากหลายปัญหาอาทิ คนไม่ทำงาน ไม่รักผูกพันกับองค์การ สารพัดเรื่องที่ชวนให้กินยาแก้ปวดกระดองใจทั้งนั้น
 
ตัวอย่างที่ผมหยิบยกมากล่าวถึงนี้  สะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจต่อเรื่องภาวะผู้นำ ซึ่งก็มีหลายท่านนะครับที่กล่าวในทำนองว่า องค์การจะไปรอดหรือไม่รอดนั้น หากทอนเรื่องจากคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ในองค์การแล้ว ภาวะผู้นำนี่ล่ะก็ดูจะเป็นเรื่องที่จับต้องมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด
 
หัวเรื่องที่ผมนำเสนอไว้นี้ กลั่นกรองเรียบเรียงมาจากปัญหาที่ผมเองพบในที่ทำงาน  แล้วมานั่งไตร่ตรองใคร่ครวญ กับหาแนวทางแก้ไขปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพในเรื่องนั้นมากขึ้น เลยขอนำมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
 
ปัญหาที่ผมพบอยู่คือ เวลาที่องค์การจะโปรโมทใครสักคน (สมมติชื่อว่า เค้าคนนั้น” ) ขึ้นมาเป็นหัวหน้างาน  เมื่อต้นสังกัดกลั่นกรองกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว HR ก็จะได้รับมอบหน้าที่อันสำคัญในการฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับ เค้าคนนั้น  รวมระยะเวลาที่ HR จะต้องฝึกอบรมก็ 15-18 ชั่วโมง คิดคิดแล้วก็อบรมกันหลายหัวข้อ  ไม่รวมแบบฝึกหัดที่จะต้องทำส่ง โดยเปิดโอกาสให้ปรึกษากับอาจารย์กู (Google) ทำตอบได้ 
 
ฝึกอบรมไปหลายคนก็หลายคน เค้าคนนั้นก็ไม่เปลี่ยนไปสักกะนิด ...!!!  มันก็เลยเกิดคำถามขึ้นว่า วิธีการแบบนี้มันใช้ได้หรือเปล่า เพราะดูดูไปแล้ว ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการอบรมทักษะหัวหน้างานและอบรมภาวะผู้นำนี้  เค้าคนนั้น  ก็ยังเมื้อนเดิม  ไม่แตกต่างเลย...
 
เรื่องก็มาลงเอยตรงที่ปัจจุบันนี้ HR ได้จัดกระบวนการฝึกอบรมลักษณะนี้เสียใหม่แล้ว เรียกว่าเป็นแบบ re-engineer กันเลยทีเดียว ไว้โอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟังครับ   
 
เรื่องของเรื่องก็คือ  การฝึกอบรมเปลี่ยนแปลงคนได้ภายในชั่วระยะเวลาการฝึกอบรมเลยหรือ  คำตอบก็คือ NO WAY ไม่มีวันที่จะเป็นไปอย่างนั้นได้ .... !!!
 
เมื่อฟังจากทัศนะของผู้รู้แล้ว  การสร้างภาวะผู้นำให้กับพนักงาน เพื่อวัตถุประสงค์ของการเลื่อนปรับระดับหรือตำแหน่งนั้น ย่อมเป็นการฉาบฉวยและตื้นเขินอย่างยิ่งหากเราจะทึกทักเอาว่า การฝึกอบรมไม่ว่าจะส่งเขาเข้าภายในองค์การ หรือกับผู้รู้นอกองค์การ ในระยะเวลา 3 ชั่วโมง 1-2 หรือ 3 วัน จะทำให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นผู้นำที่มีภาวะที่เหมาะสมได้ เพราะระยะเวลาเพียงเท่านั้น คงเป็นได้แค่เพียงการสร้างความรับรู้ ว่าภาวะผู้นำคืออะไร คุณลักษณะของการเป็นผู้นำที่ดีคืออะไร และอื่น ๆ ตามที่หลักสูตรจะเขียนและวิทยากรให้ความรู้ไว้  เพียงเท่านั้น  
 
หากแต่ความต้องการที่แท้จริงจาก เค้าคนนั้น   ก็คือ มีพฤติกรรมเป็นหัวหน้างาน ภายใต้การมีภาวะผู้นำที่ดีมิใช่หรือ ....ถูกต้องแล้วครับ  เราก็เลยต้องมาประเมินกันว่า การฝึกอบรมเพียงแค่ที่ว่านั้น  มันไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย เว้นแต่ เค้าคนนั้น   เป็นอริยบุคคล หรือมีจิตสำนึกของการพัฒนาตนเองอย่างสูงยิ่ง  อันหาได้ยากในหมู่ชนทำงานธรรมดาสามัญ  ไม่ใช่ว่าไม่มีเลยนะครับ   
  
การฝึกอบรม เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำของ เค้าคนนั้น   จึงต้องเน้นไปที่การสร้างกระบวนการเรียนรู้ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นที่พึงประสงค์ตามที่เราต้องการ ซึ่งแน่นอนล่ะครับว่า มันต้องอาศัยการวางแผน มีขั้นตอนกระบวนการฝึกอบรม และสร้างการเรียนรู้ที่ดี และทำมันอย่างต่อเนื่อง  มีการให้ feedback ต่อกัน และร่วมกันพัฒนาระหว่างวิทยากร หรือผู้ให้การฝึกอบรม กับ เค้าคนนั้น   
 
ผู้รู้หลายท่านจึงบอกอย่างเห็นพ้องต้องตรงกันว่า  การสร้างผู้นำในองค์การขึ้นมา ต้องทำเสียตั้งแต่ต้นมือ จะมารอโปรโมทคนแล้วมาฝึกอบรมตามหลังล่ะก็ ไม่ทันการณ์ และซ้ำร้าย จะได้ผลลัพธ์ทางลบที่นอกเหนือความคาดหมาย  ตามแก้ไขได้ยาก  เป็นอันว่า อย่างเสี่ยงจะดีกว่า...!!!  
 
การสร้างภาวะผู้นำ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะมองแบบง่าย ๆ เช่นกัน  คำที่ว่า กรุงโรมมิได้สร้างเสร็จภายใน 3 วัน 7 วันฉันใด  การสร้างภาวะผู้นำของคนก็เป็นเยี่ยงนั้นนั่นเองครับ  
ดูเหมือนผมจะมองพนักงานเหมือนทฤษฎี X เลยนะครับ ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ผมเชื่อมั่นในระบบการควบคุม ติดตามที่รัดกุม ภายใต้กติกาที่ตกลงระหว่างกันมากกว่า ว่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผลของการทำงานออกมาในแนวทางที่กำหนด  จะไปคาดหวังเอาว่าคนจะมีจิตสำนึก มันอาจจะเป็นนามธรรมไปและ เคว้งคว้างเกินไปนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น