เชื่อว่าหลายท่านพอทำงานกินเงินเดือนมาได้สักระยะหนึ่ง 
จะมีมุมหนึ่งของอารมณ์ที่เบื่อสภาพงานที่จำเจในสำนักงาน 
หรือจะด้วยความที่ต้องการเป็นเถ้าแก่กับเค้าเสียทีก็ตาม  ก็มักจะมีความรู้สึกอยากผันตัวเองมาเป็น
“ผู้ประกอบการ”  ด้วยการทำธุรกิจเล็ก ๆ
ส่วนตัวกัน  โดยเฉพาะหากยิ่งคือว่าตัวเองมีต้นทุนความรู้มากในเรื่องใด
ก็มัดจะคิดเวียนวนในความต้องการเป็นผู้ประกอบการเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง  บ่อยเข้าก็กระทบกระเทือนกับงาน  แต่ก็ยังไม่กล้าตัดสินใจอออกจากงานเก่าไปเริ่มงานที่อยากจะทำหรือที่มองว่าเป็นเป้าหมายของชีวิต
จะทำอย่างไรดีกันล่ะครับ ?  
บทความนี้
จะขอแชร์ประสบการณ์นะครับ
ด้วยเพราะผมเองก็มีประสบการณ์ของความต้องการเช่นนี้ด้วย  ในความเป็นคน GEN-X ก็ไม่ปฎิเสธที่จะมีความฝันเล็ก
ๆ แบบนี้หรอกครับ ในช่วงชีวิตสองสามปีหลังที่ผ่านมา 
ผมก็เฝ้าพากเพียรเพิ่มพูนประสบการณ์ความรู้ในงานที่อยากจะเป็นในโค้งกลางถึงโค้งท้ายของชีวิตการทำงาน
แถมยังพยายามไปเรียนต่อเพื่อเพิ่มพูนคุณวุฒิเอามาเสริมประสบการณ์ที่ได้รับจากทุกวันทำงาน
เมื่อเป้าหมายชัด
ผมคิดแบบนี้ครับ 
(1)  วาดภาพความสำเร็จไว้ให้ดี
และนึกถึงภาพความสำเร็จนั้นเป็นพลังใจ  –  คนเราต้องมีแรงบันดาลใจครับ 
อยากจะเป็นอะไรก็ต้องคิดฝันเอาไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องเสียหายครับ 
ผมเคยติดตามดูน้องคนนึงที่ผันตัวเองมาเป็นวิทยากรโดยมีประสบการณ์ชีวิตในงานเพียงระดับหัวหน้างานเบื้องต้น
แต่วันนี้ เค้ามั่นใจพอที่จะสอนนักบริหารนาสิ่งที่เค้าเชี่ยวชาญ  ผมพบว่า
เค้าวาดภาพความสำเร็จในงานวิทยากรที่เค้าต้องการจะเป็นและเป็นเรื่องที่เค้าถนัด
จากนั้นก็เริ่มหาโอกาสฝึกปรือประสบการณ์ 
เขียนหนังสือในแนวที่ชอบออกมามากมายหลายเล่ม  กระทั่งวันนี้
มองจากมุมมองส่วนตัวผมคิดว่าเค้าประสบความสำเร็จในงานที่เค้าชอบและก้าวเป็นผู้ประกอบการที่มีฐานะมั่นคงในระดับหนึ่ง  ในททางตรงกันข้าม หากยังทำงานในองค์กรก็ไม่แน่ว่าจะเติบโตได้ในระดับใดในราวช่วงอายุของเค้า
คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ  หากต้องการสำเร็จก็ต้องเชื่อมั่นใจพลังของตัวเองภายใต้ภาพความสำเร็จที่ต้องเขียนในใจให้ชัด
แล้วเดินหน้าไปทำอย่างอื่นซึ่งมีอีกมากมายต่อ 
(2)  ดูแบบอย่างคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เราอยากจะไป – คนที่คิดจะสร้างความสำเร็จใจอาชีพหรือธุรกิจที่ท่านต้องการนั้นมีมากมาย 
ไม่ใช่ว่าท่านคนเดียวจะเป็นคนแรกที่บุกเบิกงานในธุรกิจใดใดหรอกครับ  หากมุ่งเดินไปหาความสำเร็จในเรื่องใหม่ที่ท่านอาจจะไม่คุ้น 
ท่านจึงควรต้องดูแบบอย่างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “แถวหน้า” ในสาขาอาชีพหรือธุรกิจที่ท่านต้องการทำนั้น 
ผมเองอยากเดินทางไปสู่การเป็นที่ปรึกษาในงานพัฒนาองค์กรและพัฒนาทรัพยากรบุคคล  ผมก็มี idol ของที่ปรึกษาในดวงใจเช่นกันครับ
(ขออุบไม่บอกนะครับ) 
ผมพยายามศึกษาลีลาและสไตล์การพูดของท่าน 
อ่านหนังสือทุกเล่มที่ท่านเขียน และทดลองเขียนในแนวนั้นบ้าง 
ไม่ใช่ว่าต้องการจะไปเลียนแบบเสียหมดหรอกครับ  เพียงแต่มองด้วยสายตาตัวเองแล้วพบว่า
สไตล์แบบนั้นใช่อย่างที่เรา “อยากเป็น”  
ผมเชื่อว่าวิธีการแบบนี้เป็นการเรียนลัดได้มากทีเดียว    
(3)  สร้างความสำเร็จในงานใหม่รับการเปลี่ยนแปลงทุกวัน – ก่อนที่จะไปลุยงานใหม่ในธุรกิจที่ท่านวาดหวัง
ท่านจะต้องสร้างพลังบันดาลใจอีกส่วนหนึ่งจากการทดลองทำและสร้างความสำเร็จในงานใหม่นั้นทีละน้อย
โดยไม่โหมลุยเต็มสูบกันตั้งแต่แรก
ไม่มีผู้ประกอบการคนใดที่จะลงเงินถุงเงินถังไปกับธุรกิจใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยในคราวเดียวหรอกครับ  เค้ามักจะเริ่มต้นทำ เริ่มต้นเรียนรู้แนวทางและแก้ไขสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วต่อยอดในอนาคต 
ความสำเร็จในงานใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ล่ะครับ
จะทำให้ท่านมีพลังเดินหน้าไปสู่สิ่งใหม่และแข็งแกร่งมากขึ้น   
(4)  เรียนรู้สิ่งใหม่ในงานที่อยากจะทำ  –  งานธุรกิจส่วนตัวที่ท่านต้องการเป็นนั้น 
ส่วนมากแล้วมักเป็นเรื่องที่ท่านไม่คุ้นกับมันมาก่อน
เว้นเสียแต่มันเป็นงานในสายวิชาชีพที่ท่านร่ำเรียนมา  แต่เมื่อทำธุรกิจของตัวเองแล้ว
ก็จะต้องรับทำอะไรที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งแน่นอนครับ
ทางที่ดีที่สุดที่จะปูทางไปสู่ความเชี่ยวชาญในงานธุรกิจใหม่ที่ท่านใฝ่ฝันคือการเรียนรู้สิ่งใหม่และสั่งสมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญกันเสียตั้งแต่วันนี้ 
ไม่ว่าจะด้วยการไปเข้ารับการอบรมกับกูรูเฉพาะทาง  การอ่านหนังสือบทเรียนในธุรกิจ 
รวมทั้งการได้แลกเปลี่ยนสมาคมกับผู้รู้ในสายอาชีพ
จะช่วยสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ในอาชีพให้กับท่านในอีกทางหนึ่งได้แน่นอนครับ   
(5)  กล้าตัดสินใจโดยไม่เสียดายสิ่งที่คุ้นเคย  –
หากท่านยังทำงานประจำแต่ฝันอยากทำธุรกิจของตัว 
ท่านจะต้องพบความรู้สึกแบบ “รักพี่เสียดายน้อง” อย่างผมเป็นแน่  รักพี่หมายถึง งานใหม่ก็อยากทำเพราะรักและชอบ 
แต่งานเก่าก็ยังอยากทำเพราะมันเป็นรายได้ประจำที่เอามาใช้จุนเจือครอบครัวแบบที่ไม่ต้องเสียงอะไรมาก  อาจจะมีปัญหารำคาญใจในที่ทำงานบ้างก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก
เพราะรับได้อยู่แล้วกับบทบาทลูกจ้างกินเงินเดือนจากองค์กร 
แต่เมื่อใดมาทำงานของตัวเองที่รับผิดชอบทุกบางทุกสตางค์ด้วยตัวเอง
ก็จะเริ่มเครียดและคิดหนักว่า รายได้ที่จะเกิดจากงานใหม่ในธุรกิจของท่าน
จะพอดูแลตัวเองและครอบครัวได้หรือไม่  
ยิ่งท่านที่สายป่านเงินทุนไม่ยาว
ยิ่งมีภาระที่จะต้องหาเงินจากแหล่งภายนอกที่มีดอกเบี้ยวตามติดมาเพิ่มความปวดหัวอีกด้วย  
แต่เมื่อตั้งใจแน่วแน่แล้ว  ผมก็อยากให้ท่านได้ลองลุยสิ่งใหม่อย่างเต็มสูบ
โดยต้องไม่ลืมปูทางให้งานใหม่โดยทำหลายเรื่องที่ผมเสนอแนะไปก่อนหน้านะครับ 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น