วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สิ่งที่ควรคิดก่อนทำงานที่ “ใช่”

เชื่อว่าหลายท่านพอทำงานกินเงินเดือนมาได้สักระยะหนึ่ง  จะมีมุมหนึ่งของอารมณ์ที่เบื่อสภาพงานที่จำเจในสำนักงาน  หรือจะด้วยความที่ต้องการเป็นเถ้าแก่กับเค้าเสียทีก็ตาม  ก็มักจะมีความรู้สึกอยากผันตัวเองมาเป็น “ผู้ประกอบการ”  ด้วยการทำธุรกิจเล็ก ๆ ส่วนตัวกัน  โดยเฉพาะหากยิ่งคือว่าตัวเองมีต้นทุนความรู้มากในเรื่องใด ก็มัดจะคิดเวียนวนในความต้องการเป็นผู้ประกอบการเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง  บ่อยเข้าก็กระทบกระเทือนกับงาน  แต่ก็ยังไม่กล้าตัดสินใจอออกจากงานเก่าไปเริ่มงานที่อยากจะทำหรือที่มองว่าเป็นเป้าหมายของชีวิต
จะทำอย่างไรดีกันล่ะครับ ?  
บทความนี้ จะขอแชร์ประสบการณ์นะครับ ด้วยเพราะผมเองก็มีประสบการณ์ของความต้องการเช่นนี้ด้วย  ในความเป็นคน GEN-X ก็ไม่ปฎิเสธที่จะมีความฝันเล็ก ๆ แบบนี้หรอกครับ ในช่วงชีวิตสองสามปีหลังที่ผ่านมา  ผมก็เฝ้าพากเพียรเพิ่มพูนประสบการณ์ความรู้ในงานที่อยากจะเป็นในโค้งกลางถึงโค้งท้ายของชีวิตการทำงาน แถมยังพยายามไปเรียนต่อเพื่อเพิ่มพูนคุณวุฒิเอามาเสริมประสบการณ์ที่ได้รับจากทุกวันทำงาน
เมื่อเป้าหมายชัด ผมคิดแบบนี้ครับ
(1)  วาดภาพความสำเร็จไว้ให้ดี และนึกถึงภาพความสำเร็จนั้นเป็นพลังใจ   คนเราต้องมีแรงบันดาลใจครับ  อยากจะเป็นอะไรก็ต้องคิดฝันเอาไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องเสียหายครับ  ผมเคยติดตามดูน้องคนนึงที่ผันตัวเองมาเป็นวิทยากรโดยมีประสบการณ์ชีวิตในงานเพียงระดับหัวหน้างานเบื้องต้น แต่วันนี้ เค้ามั่นใจพอที่จะสอนนักบริหารนาสิ่งที่เค้าเชี่ยวชาญ  ผมพบว่า เค้าวาดภาพความสำเร็จในงานวิทยากรที่เค้าต้องการจะเป็นและเป็นเรื่องที่เค้าถนัด จากนั้นก็เริ่มหาโอกาสฝึกปรือประสบการณ์  เขียนหนังสือในแนวที่ชอบออกมามากมายหลายเล่ม  กระทั่งวันนี้ มองจากมุมมองส่วนตัวผมคิดว่าเค้าประสบความสำเร็จในงานที่เค้าชอบและก้าวเป็นผู้ประกอบการที่มีฐานะมั่นคงในระดับหนึ่ง  ในททางตรงกันข้าม หากยังทำงานในองค์กรก็ไม่แน่ว่าจะเติบโตได้ในระดับใดในราวช่วงอายุของเค้า
คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ  หากต้องการสำเร็จก็ต้องเชื่อมั่นใจพลังของตัวเองภายใต้ภาพความสำเร็จที่ต้องเขียนในใจให้ชัด แล้วเดินหน้าไปทำอย่างอื่นซึ่งมีอีกมากมายต่อ
(2)  ดูแบบอย่างคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เราอยากจะไป – คนที่คิดจะสร้างความสำเร็จใจอาชีพหรือธุรกิจที่ท่านต้องการนั้นมีมากมาย  ไม่ใช่ว่าท่านคนเดียวจะเป็นคนแรกที่บุกเบิกงานในธุรกิจใดใดหรอกครับ  หากมุ่งเดินไปหาความสำเร็จในเรื่องใหม่ที่ท่านอาจจะไม่คุ้น  ท่านจึงควรต้องดูแบบอย่างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “แถวหน้า” ในสาขาอาชีพหรือธุรกิจที่ท่านต้องการทำนั้น  ผมเองอยากเดินทางไปสู่การเป็นที่ปรึกษาในงานพัฒนาองค์กรและพัฒนาทรัพยากรบุคคล  ผมก็มี idol ของที่ปรึกษาในดวงใจเช่นกันครับ (ขออุบไม่บอกนะครับ)  ผมพยายามศึกษาลีลาและสไตล์การพูดของท่าน  อ่านหนังสือทุกเล่มที่ท่านเขียน และทดลองเขียนในแนวนั้นบ้าง  ไม่ใช่ว่าต้องการจะไปเลียนแบบเสียหมดหรอกครับ  เพียงแต่มองด้วยสายตาตัวเองแล้วพบว่า สไตล์แบบนั้นใช่อย่างที่เรา “อยากเป็น” 
ผมเชื่อว่าวิธีการแบบนี้เป็นการเรียนลัดได้มากทีเดียว   
 
(3)  สร้างความสำเร็จในงานใหม่รับการเปลี่ยนแปลงทุกวัน – ก่อนที่จะไปลุยงานใหม่ในธุรกิจที่ท่านวาดหวัง ท่านจะต้องสร้างพลังบันดาลใจอีกส่วนหนึ่งจากการทดลองทำและสร้างความสำเร็จในงานใหม่นั้นทีละน้อย โดยไม่โหมลุยเต็มสูบกันตั้งแต่แรก ไม่มีผู้ประกอบการคนใดที่จะลงเงินถุงเงินถังไปกับธุรกิจใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยในคราวเดียวหรอกครับ  เค้ามักจะเริ่มต้นทำ เริ่มต้นเรียนรู้แนวทางและแก้ไขสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วต่อยอดในอนาคต  ความสำเร็จในงานใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ล่ะครับ จะทำให้ท่านมีพลังเดินหน้าไปสู่สิ่งใหม่และแข็งแกร่งมากขึ้น   
(4)  เรียนรู้สิ่งใหม่ในงานที่อยากจะทำ   งานธุรกิจส่วนตัวที่ท่านต้องการเป็นนั้น  ส่วนมากแล้วมักเป็นเรื่องที่ท่านไม่คุ้นกับมันมาก่อน เว้นเสียแต่มันเป็นงานในสายวิชาชีพที่ท่านร่ำเรียนมา  แต่เมื่อทำธุรกิจของตัวเองแล้ว ก็จะต้องรับทำอะไรที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งแน่นอนครับ ทางที่ดีที่สุดที่จะปูทางไปสู่ความเชี่ยวชาญในงานธุรกิจใหม่ที่ท่านใฝ่ฝันคือการเรียนรู้สิ่งใหม่และสั่งสมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญกันเสียตั้งแต่วันนี้  ไม่ว่าจะด้วยการไปเข้ารับการอบรมกับกูรูเฉพาะทาง  การอ่านหนังสือบทเรียนในธุรกิจ  รวมทั้งการได้แลกเปลี่ยนสมาคมกับผู้รู้ในสายอาชีพ จะช่วยสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ในอาชีพให้กับท่านในอีกทางหนึ่งได้แน่นอนครับ  
(5)  กล้าตัดสินใจโดยไม่เสียดายสิ่งที่คุ้นเคย  – หากท่านยังทำงานประจำแต่ฝันอยากทำธุรกิจของตัว  ท่านจะต้องพบความรู้สึกแบบ “รักพี่เสียดายน้อง” อย่างผมเป็นแน่  รักพี่หมายถึง งานใหม่ก็อยากทำเพราะรักและชอบ  แต่งานเก่าก็ยังอยากทำเพราะมันเป็นรายได้ประจำที่เอามาใช้จุนเจือครอบครัวแบบที่ไม่ต้องเสียงอะไรมาก  อาจจะมีปัญหารำคาญใจในที่ทำงานบ้างก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะรับได้อยู่แล้วกับบทบาทลูกจ้างกินเงินเดือนจากองค์กร  แต่เมื่อใดมาทำงานของตัวเองที่รับผิดชอบทุกบางทุกสตางค์ด้วยตัวเอง ก็จะเริ่มเครียดและคิดหนักว่า รายได้ที่จะเกิดจากงานใหม่ในธุรกิจของท่าน จะพอดูแลตัวเองและครอบครัวได้หรือไม่   ยิ่งท่านที่สายป่านเงินทุนไม่ยาว ยิ่งมีภาระที่จะต้องหาเงินจากแหล่งภายนอกที่มีดอกเบี้ยวตามติดมาเพิ่มความปวดหัวอีกด้วย 
แต่เมื่อตั้งใจแน่วแน่แล้ว  ผมก็อยากให้ท่านได้ลองลุยสิ่งใหม่อย่างเต็มสูบ โดยต้องไม่ลืมปูทางให้งานใหม่โดยทำหลายเรื่องที่ผมเสนอแนะไปก่อนหน้านะครับ
นี่เป็นมุมมองเล็ก ๆ ของผมเท่านั้น  ไม่อาจเคลมได้ว่า ทำแล้วท่านจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่อย่างที่ท่านคาดหวัง  เพราะความสำเร็จเช่นนั้น ต้องอาศัยปัจจัยประกอบอีกหลากหลาย  แต่ผมมั่นใจว่า หากท่านได้เริ่มต้น “คิด” แบบที่แชร์ประสบการณ์ไปแล้ว  ก็จะเดินไปสู่เป้าหมายอาชีพผู้ประกอบการอย่างที่ท่านตั้งใจได้ไม่ยากเย็นนัก  เพราะคิดดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ    
ท้าให้ลองนำไปลงมือทำครับ !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น