วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คนเก่งหรือจะสู้คนขยันหาโอกาสพัฒนาตัวเอง


สมมติว่ามีพนักงานสองคน คนแรกมอบหมายงานให้ทำ 3 เรื่อง เสร็จ 2 เรื่องภายในเวลาที่กำหนด แต่อีกคนหนึ่งมอบหมายงานให้ทำ 3 เรื่องเท่ากัน แต่กลับทำเสร็จเพียง 1 เรื่อง มองเพียงเท่าข้อมูลที่ให้นี้ ท่านและผมก็ตอบได้ตรงกันว่าสงสัย คนแรกจะมีฝีมือดีกว่า  

แต่ถ้าสมมติว่าท่านมอบหมายให้คนแรกทำงานเท่าเดิม และก็ทำงานได้ผลเท่าที่เคยคือ สองในสามแต่คนที่สองท่านทดลองมอบหมายให้ทำงาน 10 เรื่อง แล้วเขาทำเสร็จ 5 เรื่องภายในเวลาเท่ากับคนแรก ฝึมือคนที่สองกับคนแรกน่าจะสูสีกันเข้าให้แล้ว  

ที่น่าสนใจคือ แม้ผลงานของคนที่สองอาจจะไม่เท่าคนแรก แต่ความขยันกลับน่าจะมีมากกว่าเพราะภายในเวลาที่เท่ากันกลับสามารถรับงานเพิ่มมากขึ้น หากเปลี่ยนคนที่เราสมมติเป็นพนักงานขาย และเปลี่ยนงานที่ผมยกตัวอย่างไปเป็นจำนวนลูกคาที่เข้าพบและนำเสนอขายสินค้า แน่นอนว่าคนที่สองน่าจะตอบโจทย์สิ่งที่องค์กรต้องการมากกว่าคือ ความขยัน  

สิ่งที่สำคัญของการทำงานคือการหาโอกาสในการทำอะไรที่สร้างสรรค์ใหม่ ๆ มากกว่าที่จะหยุดนิ่งทำแค่เท่าที่กำหนดไว้ใน Job Description เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่มีคุณค่าต่อองค์กรและเป็นสิ่งที่องค์กรใดก็ล้วนแต่อยากได้  

จงเป็นคนที่ขยันขวนขวายหาความรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อมาเพิ่มคุณค่าให้กับงาน และจงเรียนรู้ที่จะทำงานแบบ SMART สิ่งที่จะสร้างคุณค่าให้กับองค์กรหรือหน่วยงานที่ท่านทำงานอยู่นั้น อาจจะเป็นเพียงงานที่ทำแล้วลดขั้นตอนบางอย่างแล้วทำให้งานเร็วขึ้น หรือการเขียนกระบวนการทำงานที่ช่วยให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้าใจกระบวนการพร้อมกับทำให้กระบวนการทำงานนั้นเป็นมาตรฐานก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องไปนึกถึง Intervention เพื่อพัฒนากระบวนการทำงานที่ซับซ้อนและประกอบไปด้วยเทคนิคที่อาจจะยากเกินกว่าจะเข้าใจได้  

พร้อมกันนั้น อย่าลืมที่จะมองหาโอกาสที่จะทำงานให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้น หรือขยายขีดความสามารถของตัวเองให้ทำงานได้หลายด้วยการเรียนรู้กับทดลองทำงานอะไรใหม่ ๆ จตากที่ไม่เคยทำมาก่อน (Enlarging your capability) อย่างน้อยก็คิดว่าในวันข้างหน้าเวลาเติบโตในสายอาชีพก็จะต้องใช้ทักษะที่ท่านฝึกฝนมาทำงานในเชิงการควบคุมบังคับบัญชาอยู่ดี แต่นี้ก็เข้าใกล้ความเป็นมืออาชีพแล้วล่ะครับ   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น