วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เคล็ดลับเติมเต็มความสนุกให้กับงาน


ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าชีวิตคนเรานั้น ส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการทางาน นับจากที่แต่งตัวออกจากบ้าน ใช้เวลาเดินทางไปกลับไม่ว่าจะด้วยยานพาหนะส่วนตัว รถรับส่งของบริษัท หรือรถขนส่งมวลชนประเภทต่าง ๆ ไปจนถึงเวลาที่เรานั่ง (หรือยืน) ทางานในสถานที่ทางาน รวมเวลาแล้วแทบจะไม่ต่ากว่า 12 ชั่วโมงในเมืองใหญ่ หากตัดเวลาพักผ่อนนอนหลับไปสักวันละ 6 ชั่วโมง ท่านผู้อ่านจะเห็นว่า ชีวิตของคนเราส่วนใหญ่นั้นในแต่ละวัน (ที่ไม่นับวันหยุดงาน) พัวพันกับงานอย่างแยกไม่ออกเลยทีเดียว

ยิ่งหลายคนต้องทางานซ้า ๆ กันตาม Job Description วันแล้ววันเล่าก็ยังทาแบบนี้ จะหาโอกาสไปทางานอย่างอื่นเพื่อเปลี่ยนแปลงไม่ให้ชีวิตเข้าใกล้สภาวะไม่ตากซากก็ยาก เหตุหนึ่งเพราะตัวเองกลับว่าการเปลี่ยนไปทางานอื่นจะทาไม่ได้ หรือหัวหน้าเองไม่ให้โอกาสเพราะเกรงมอบหมายให้ทาแล้วก็ทาไม่ได้ ก็เลยต้องทนทางาน

ผมนึกเห็นภาพสมัยที่ผมทางานราชการอยู่สังกัดสานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เห็นพี่พี่หลายคนทางานลงรับและเดินเอกสารซ้าแล้วซ้าเล่ามามากกว่า 20 ปี เห็นน้อง ๆ อีกหลายคนที่สาละวนอยู่กับการพิมพ์เอกสารในบทบาทหน้าที่ เจ้าหน้าที่พิมพ์ดีดคอยตอบสนองการพิมพ์งานของเจ้าหน้าที่คนอื่น โดยเฉพาะผู้มากอาวุโสพิมพ์งานไม่เป็น ไม่ get เรื่องคอมพิวเตอร์ จินตนาการความเบื่อหน่ายในงานไม่ออกเลยทีเดียวครับ

เมื่อคนเราไม่ประสงค์ให้มีทุกข์ไม่ว่าจะในห้วงเวลาใดของชีวิตฉันใด คนเราก็ย่อมไม่อยากทางานแล้วเกิดทุกข์ ไม่สบายใจ ทางานแล้วรู้สึกไม่สนุกกับงาน ไม่อยากทางานไปร้องไห้ไปเพราะโดนกดดันบีบคั้นจากหัวหน้าและ/หรือเพื่อนร่วมงานที่มากอาวุโสกว่าฉันนั้น

ความสุขและสนุกในการทางาน จึงเป็นสองสิ่งง่าย ๆ ในชีวิตประจาวันที่คนทางานค้นหา โดยไม่ต้องไปคุยกันไกลในเรื่อง Engagement หรือ Loyalty ของพนักงานกับองค์กรให้มากความ (แม้จะต้องทาก็ตาม) บทความนี้จะนาเสนอเคล็ดลับของการทางานให้สนุกครับ

1. มองให้เห็นคุณค่าของงาน
การงานทุกอย่างถ้าไม่ใช่งานที่ต้องปล้นลักขโมยเขา ล้วนแต่มีคุณค่าแฝงอยู่ทั้งนั้น จะมากหรือน้อยก็แตกต่างกันตามความสาคัญหรือคุณค่าของผลผลิตจากงานที่มีให้กับองค์กร ที่สาคัญ ทุกงานเป็นส่วนประกอบต่อเติมกันเพื่อทาให้ภาพขององค์กรชัดเจนขึ้น ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้จักมองให้เห็นคุณค่าของงานที่ท่านทา คุณค่าที่ท่านนึกถึงได้นี้ จะคอยจรรโลงให้ท่านยังรักและรู้สึกสนุกกับงานที่ทาอยู่เสมอ แม้ว่างานที่ทาจะน่าเบื่อหน่ายเพียงใดก็ตาม ผู้รู้ท่านบอกให้เรามั่นใจในงานที่ทาว่าเป็นงานที่มี คุณค่าความคิดเช่นนี้ จะเป็นพลังใจสาคัญทาให้เราอย่างมีความสุขเสมอ สมมติว่าเราทางานรักษาความปลอดภัยที่ใครก็เรียกเหมือนดูแคลนว่า ยาม (คนเป็นยามก็อยากให้เรียก รปภ. เพราะรู้สึกว่าเท่ห์ดูดีกว่ามากมาย) ก็ควรต้องคิดว่า หากไม่มีเราองค์กรก็จะไม่มั่นคงปลอดภัยทันที และที่สาคัญหากงานเราไม่สาคัญ เค้าคงไม่จ้างเราหรอกจริงมั้ยครับ

2. กระตือรือร้นอยู่เสมอ
คนทีทางานอย่างมีความสุขจะแสดงออกถึงความกระชุ่มกระชวยมีชีวิตชีวา ยิ่งสุขมากก็ยิ่งกระตือรือร้นมากตามไปด้วย ลองคิดดูว่าหากเราทางานแบบเนือย ๆ ทางานเรื่อยเฉื่อยแบบรถไฟของประเทศไทยที่ไม่เคยไปถึงที่หมายตรงเวลา ยิ่งตอนนี้ ในหลายขบวนออกจากต้นทางยังแทบจะไม่ตรงเวลาด้วยซ้า เราจะรู้สึกเหมือนขาดสีสันบางอย่างและงานก็จะไม่รวดเร็วปรู๊ดปร๊าดอย่างที่อยากให้เป็น แต่หากเปลี่ยนอิริยาบถใหม่ให้ทาอะไรว่องไวรวดเร็วแล้ว เราจะรู้สึกต่างกันราวฟ้ากับดิน และที่สาคัญยังได้ผลงานมากกว่าเป็นไหนๆ

3. ทำงานอย่างใจจดใจ่
ผมไม่ได้หมายถึงท่านจะต้องถึงกับไม่กระดุกกระดิกไปไหนหรอกครับ ใจจดจ่อนั้นหมายถึงไม่วอกแว่ก ไม่ลุกลี้ลุกลนทาโน่นทีทานี่ที งานก็ไม่เดินหน้าไปถึงไหน โดยเฉพาะงานสาคัญที่ต้องใช้สมาธิกับงานมาก หรือต้องใช้ข้อมูลสารสนเทศหลากหลายมิติหลากหลายชุดประกอบการวิเคราะห์และสรุปเอาข้อมูลออกมา ยิ่งต้องอาศัยความใจจดจ่อมากขึ้น แนะนาให้ลองฝึกความสงบใจด้วยการทาสมาธิกับการทางานอาจจะใช้วิธีง่ายๆ คือครองสติให้อยู่กับตัว ตั้งมั่นอยู่กับงานที่ทา ไม่คิดอะไรนอกเรื่องนอกราวในขณะทางาน เมื่อมีสมาธิดี ก็จะคิดเห็นเรื่องงานได้อย่างรวดเร็ว ตรองหาวิธีการทางานได้ไม่ยากนัก ลองดูสิครับ

4. ปรับปรุงงานอยู่เสมอ
การงานทุกอย่างมีเรื่องท้าทายอยู่ในตัวเองเสมอ เพียงแต่ว่าเราจะมองเห็นช่องทางหรือโอกาสในการปรับปรุงให้งานนั้นมีคุณภาพดีขึ้นได้หรือไม่ ในแต่ละวันทางาน ควรหมั่นสร้างความท้าทายด้วยการเฟ้นหาปัญหาในที่ทางานแล้วนามาลองฝึกคิดแก้ไขดู เช่น คิดว่าจะทาอย่างไรให้งานรัดกุมมากขึ้น การประสานงานกับหน่วยงานอื่นดีขึ้น หรือทาให้ทรัพยากรที่ใช้ลดลง ประหยัดเวลาหรือทางานเดิมได้เร็วขึ้น งานเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น

ลองนาไปทำดูนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น