ชีวิตการทำงานในสำนักงาน
ในโรงงาน หรือสถานที่ใดก็ตามที่มีคนทำงานหมู่มากอยู่ด้วยกัน
นับได้ว่าเป็นเรื่องซับซ้อนและมักมีเรื่องกระทบกระทั่ง
มีเรื่องทั้งที่ดีและไม่สู้ดีเล่าสู่กันฟังอยู่เสมอ มีเรื่องเล่าข่าวลือที่ปราศจากมูลความจริงก็บ่อยครั้ง
และมีหลายเรื่องอีกเช่นกันที่ส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานของคนทำงานเอง
ในบางเรื่องบางราวนั้น
หากท่านผู้อ่านเล่าสู่เพื่อนฝูงที่ทำงานด้วยกัน
แม้คิดแล้วอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ถ่ายทอดออกไป
แต่ผลลัพธ์สุดท้ายปลายทางก็อาจจะร้ายแรงถึงขนาดที่คุณอาจจะต้องเสียน้ำตา ยื่นใบลาออกแทบไม่ทัน ดังนั้น
จึงเป็นสิ่งที่คนทำงานจะต้องระแวดระวังไม่ให้เรื่องบางอย่าง
แพร่งพรายไปให้เพื่อนร่วมงานแม้จะใกล้ชิดสนิทสนมเพียงใด ได้รับฟังเป็นอันขาด
แต่เรื่องที่ว่านี้ได้แก่อะไรบ้าง ผมขอชวนท่านผู้อ่านมาลองไล่เรียงกันดูครับ
1.
เล่ารายละเอียดของงานใหม่ที่กำลังจะไปเริ่ม – เรื่องการเปลี่ยนงานของคนทำงานนั้น
ว่าไปแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ ยิ่งในปัจจุบันที่คนทำงาน Gen-Y
ไม่ค่อยผูกพัน (แต่ก็ไม่ได้หมายถึงไม่รักองค์กร)
กับใครและภักดีกับองค์กรมากมายเหมือนคนทำงานรุ่นก่อนหน้า
แรงจูงใจในการเปลี่ยนงานของคนเรานั้น อาจจะเกิดมาจากความไม่พอใจเจ้านาย
ไม่พอใจระบบงาน หรือแม้แต่รู้สึกผิดหวังกับงานที่ทำ
และไม่ได้เพื่อนร่วมงานแบบสมดังใจ แต่ส่วนใหญ่เท่าที่วิจัยก็พบว่า เกิดจาก
“หัวหน้างาน” นี่เองครับ การวิพากษ์วิจารณ์สาเหตุที่ผลักดันให้ตัดสินใจเปลี่ยนงาน ความรู้สึกไม่มั่นคงในการทำงาน หรือแม้แต่ข้อเสนอที่เป็นเงินเดือนค่าตอบแทนที่องค์กรอื่นหยิบยื่นเชิญชวนไปทำงานด้วยนั้น
เป็นเรื่องแรกที่ไม่ควรเอ่ยปากให้ใครฟังครับ
เพราะหากเกิดสถานการณ์บางอย่างที่ไม่เป็นไปคาดหวัง เช่น
องค์กรใหม่เปลี่ยนเงื่อนไขไม่อาจรับเข้าทำงานได้
ก็จะกลายเป็นเรื่องโอละพ่อไปเสียเลย
ยิ่งหากตำแหน่งของท่านผู้อ่านมีคนรอเสียบ จะยิ่งกลายเป็นเรื่องเล่าเม้าท์กันสนุก
และท่านเองนั่นล่ะครับที่จะเสียหาย และเสียความรู้สึก
2.
วิจารณ์เจ้านายต่างเพศ – ในชีวิตการทำงานนั้น
ท่านผู้อ่านไม่อาจเลือกเจ้านายได้เลย แม้ใจจริงจะชอบเจ้านายเพศเดียวกันเพราะคุยกันได้ง่ายอย่างคนกันเอง
แต่ความจริงอาจจะต้องรับมือกับเจ้านายต่างเพศที่มักมองอะไรไม่ค่อยเหมือนกันตามธรรมชาติของเพศ
จงอย่าวิจารณ์พาดพิงเจ้านายต่างเพศแบบไม่ให้เกียรติ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
3.
เรื่องรักใคร่ในที่ทำงาน – สิ่งหนึ่งที่พึงหลีกเลี่ยงให้ได้
และต้องไม่เล่าให้ใครฟังนั้น ผมเห็นว่าคือเรื่องรักใคร่ใครสักคนในที่ทำงาน
ยิ่งหากท่านเป็นสุภาพบุรุษที่ไปถูกตาต้องใจกับสุภาพสตรีสาวสวยที่เป็นที่หมายปองของหลายคน
แต่สาวเจ้าก็ไม่ได้ตกลงยื่นสะพานให้กับใครเป็นพิเศษ
การแสดงออกอย่างเปิดเหยในเรื่องหมายปองสาวเจ้าต่อคนอื่นนั้น
ก็ไม่แน่ว่าเพื่อนร่วมงานใกล้ชิดของท่านจะเป็นหนึ่งในคนที่แอบหมายปองเช่นเดียวกันหรือไม่
และเมื่อนั้น สัมพันธภาพในการทำงานอาจจะเปลี่ยนไป
เพราะความไม่พึงพอใจส่วนตัวบังเกิดขึ้น ยิ่งในวิธีคิดของคนไทย
ยิ่งใส่ใจเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับงาน
เรื่องเล็กก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
จึงแนะนำให้เงียบเข้าไว้ อย่างน้อย
เมื่ออะไรไม่เป็นไปตามที่คิด ก็ไม่มีเรื่องเล่าพาดพิงให้เสียหาย จริงมั๊ยครับ
4.
วันหยุดสุดแสนแซ่บ – ในช่วงชีวิตของคนหนุ่มสาว
มักจะมีปาร์ตี้ที่สนุกกันสุดเหวี่ยง เมามายเละเทะ
แตกต่างกับบุคลิกภาพของผู้น่ารักในสำนักงานในวันทำงานปกติ
หากท่านคุ้นเคยชีวิตแบบเที่ยวกลางคืน
ตามล่าหาความสนุกจากแหล่งท่องเที่ยวที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่ไม่ควรย่างกรายไปเหยียบ ก็ให้ระวังว่าอย่าได้ชวนเพื่อนร่วมงานคนใดไปเห็นพฤติกรรมอันสุดแสนชิคนั้นเป็นอันขาด
โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ที่ชอบเกี้ยวพาราสีสาว ๆ
เวลาเมามายไม่ค่อยได้สติ
ผิดกับภาพลักษณ์อันแสนอบอุ่นขณะทำงาน ก็ยิ่งต้องระวังพฤติกรรมให้หนัก ต้องไม่ให้สาว ๆ
คนใดในองค์กรรับรู้เป็นอันขาด
ผมเคยได้ยินเพื่อนฝูงที่เป็นผู้บริหารงาน HR เล่าให้ฟังว่า
แม้แต่จะไปเที่ยวผับเพราะนับพบเพื่อนเก่า ก็ต้องจัดแจงไปในที่ที่ห่างไกล
ไร้โอกาสที่เพื่อนร่วมงานต่างหน่วยงาน หรือลูกน้องจะมาพบ
เพราะอาจจะกลายเป็นประเด็นเม้าท์สนุกปาก
ส่งผลให้ขาดความน่าเชื่อถือในชีวิตการทำงานจริงไปเลยก็ได้
เรื่องที่ว่าไป แท้จริงแล้วนั้น ผมไม่ได้ประสงค์จะชวนให้ท่านผู้อ่านปรับมุมมองมาเป็นคนที่หวาดระแวงเกินกว่าเหตุ
และไม่ได้มุ่งหมายให้ท่านผู้อ่านรู้สึกไม่เชื่อถือหรือไว้วางใจใคร แม้แต่เพื่อนร่วมงานที่เป็นคนใกล้ตัว
เพียงแต่อยากจะแชร์ให้เห็นในอีกมุมมองหนึ่งที่พึงต้องระวังไว้
ไม่ถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ไปให้ใครก็ตามได้รับรู้ เพราะมันคือความลับอันควร
“รู้แค่ตัวเราคนเดียว” ท่านว่าจริงมั๊ยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น