ช่วงของการปรับตัวเข้ากับองค์กรใหม่
สำหรับพนักงานใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกของคนทำงานกินเงินเดือน
ก็เลยมีประสบการณ์คละเคล้ากันไป ขณะที่คนในองค์กรอีกจำนวนไม่น้อย
เมื่อผ่านช่วงเวลาของการปรับตัวให้เข้ากันได้กับชีวิตคนทำงานสักระยะหนึ่ง
ก็เริ่มคุ้นเคยมากขึ้น
แต่ไม่ว่าคนทำงานที่มีประสบการณ์มามากหรือน้อย
ต่างก็ต้องการสิ่งหนึ่งเหมือนกัน คือ ความสุขในการทำงาน
และถือเป็นสุดยอดของความปรารถนาในชีวิต ความสุขในการทำงานนี่เอง
เป็นพื้นฐานของการมีความพึงพอใจกับที่ทำงาน และหัวหน้างาน เป็นพื้นฐานของความผูกพันกับองค์กรและกับงานที่ทำ
และยังเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสร้างผลงานที่ดีให้กับองค์กร
แต่แล้วจะทำอย่างไรให้ทุกวันทำงานเป็น
“วันสุข (Happy
Day)” ของเรา ผมพอมีคำตอบที่เป็นแง่คิดมาให้ลองนำไปคิดและทำดูครับ
1. มองคุณค่างานในมุมที่ต่างออกไป
แต่ละคนมองงานในแง่มุมที่ต่างกันออกไป แล้วท่านล่ะ ตีความหรือให้ความหมายของคำว่า
“งาน” อย่างไร
งานมีความสำคัญกับท่านเพียงใด
หลายคนขาดความสุขเพราะมองงานเป็นเพียงหน้าจอคอมพิวเตอร์กับคีย์บอร์ดที่จะต้องนั่งคีย์ๆ
ๆ ๆ งาน (ที่ทุกวันก็ทำอย่างนี้) ลงไปในระบบ
โดยไม่คิดที่จะสร้างคุณค่าให้งานและตัวเองมากขึ้นเลย ตรงกันข้าม
หากท่านมองว่างานคืออะไรที่ท้าทาย และท่านทำเพื่อเติมเต็มคุณค่าในชีวิตของตัวเอง
ท่านก็จะเข้าใจและมองงานในอีกมุมหนึ่งที่ happy ได้ แม่ยากเลยใช่มั๊ยครับ
?
2. จัดการกับความผิดหวังให้ได้
ไม่มีสิ่งใดในการทำงานจะสมบูรณ์แบบหรอกครับ มีทั้งสมหวังบ้างและผิดหวังบ้าง
ตราบเท่าที่ท่านก็ยังไม่ทราบว่าผลลัพธ์ของงานจะตรงกับที่องค์กรต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่
และตราบเท่าที่ท่านมิใช่ผู้มีอำนาจอนุมัติขั้นสุดท้าย อย่าพะวงกับสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปแล้วมากเกินไป
และจงเรียนรู้ที่จะยอมรับมันให้ได้ หาไม่แล้ว สิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่วาดหวัง ก็รังแต่จะทำให้ท่านขาดความสุข
เพียงแต่จะทำงานอะไรลงไปนั้น
ขอให้เป็นไปตามหลักคิดและแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง พร้อมกับทำให้ดีที่สุด
ด้วยความตั้งใจมุ่งมั่น หากงานจะพลาดผิดไปจากที่วาดหวังไว้ ท่านก็จะได้ไม่ทุกข์
และมีความสุขกับการทำงานได้
3. ปลูกสร้างความสัมพันธ์
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ที่ต้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ
ไม่เพียงแต่เราจะต้องการให้คนอื่นปฏิบัติกันเราด้วยดีเท่านั้น
เรายังต้องการไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในชีวิตการทำงานก็เช่นกัน
จะทำงานอย่างมีความสุขได้ก็ควรต้องเรียนรู้ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับอื่นให้เป็น
และมิใช่เพียงในเรื่องงานเท่านั้น
หากแต่ในบางมุมของชีวิตก็ต้องมีเรื่องเหล่านี้ด้วย ใครจะไปรู้ล่ะว่า
สักวันหนึ่งเราอาจจะต้องพึ่งพาใคร และสักวันหนึ่งเช่นกันที่ใครก็ต้องอาศัยเราบ้าง
ชีวิตในการทำงานก็เป็นเช่นนี้เองครับ
4. มองหาเครือข่าย
บางครั้ง
การที่ท่านไม่มีความสุขกับการทำงานก็อาจจะเป็นเพราะท่านไม่รู้บทบาทในการทำงานของท่านในบริบทของงานที่ใหญ่กว่างานที่คุ้นเคย ลองมองหาเครือข่ายเพื่อนร่วมงานที่ท่านต้องเกี่ยวข้อง
และลองทำความเข้าใจงานใหม่
ท่านอาจจะเห็นความสุขในการทำงานในมุมที่กว้างขึ้นไปได้นะครับ
5. รู้เป้าหมายของตัวเอง
ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูสิครับว่า ท่านทำงานเพื่ออะไร ? ทำงานเพื่อเงิน
เพื่อชื่อเสียง หรือเพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและสังคมที่ท่านเป็นสมาชิก
ท่านทำอย่างไรเพื่อให้เป้าหมายส่วนตัวบรรลุลงได้ ? หากต้องการทำงานให้มีความสุข ทุกย่างก้าวในงาน จึงควรต้องมุ่งไปที่เป้าหมายตามบทบาทหน้าที่
พร้อมกับลองมองดูสิว่า
ท่านเข้ากันได้กับคุณค่าหรือค่านิยมที่องค์กรในปัจจุบันต้องการให้เป็นมากน้อยเพียงใด
จงหมั่นเตือนตนเองอยู่เสมอให้เดินหน้าไปหาเป้าหมายลำดับสูงขึ้นไปที่วาดหวังไว้ให้ได้ การตั้งเป้าหมายและเดินตามอย่างมุ่งมั่น สร้างความสุขให้ได้มากเลยนะครับ
6.
หยุดนินทาชาวบ้าน
หนึ่งในเรื่องคลาสสิคที่ชวนปวดหัวในองค์กรแทบทุกแห่ง
คงหนีไม่พ้นเรื่อง “ซุบซิบนินทา” หรือเรียกชื่อให้ซอพท์ลงหน่อยคือ
“พูดพาดพิง” ยิ่งเรื่องรักใคร่ในองค์กร ใครทะเลาะกับใคร ใครไม่พอใจกัน ยิ่งชวนเม้าท์กันมันส์ปาก
การนินทานั้น
ไม่ได้เป็นเรื่องสร้างสรรค์ที่ทำให้อะไรดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหา
การนินทามักจะตามมาด้วยการโยนความผิดออกจากตนเองไปให้กับคนอื่น
หากท่านไม่สามารถหยุดวงจรของการนินทาที่ไม่ได้เกิดมาจากท่านได้
ก็อย่าเยี่ยงกรายเข้าไปใกล้ เพราะไม่ได้ดีอะไรกับท่านแม้แต่น้อย พัวพันกันไปมา
ท่านจะพลอยติดร่างแหคำนินทาอย่างไม่ตั้งใจ
ขึ้นชื่อว่านินทานั้น ไม่มีใครจริงใจจะพูดถึงกันในทางที่ดีเลยแม้แต่น้อย
และก็ไม่มีใครไว้ใจกันที่จะร่วมหัวจมท้ายรับผิดชอบในคำพาดพิงทางลบคนอื่นหรอกครับ
การมีความสุขในงานที่ทำนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
ผมเชื่อมั่นลึก ๆ ว่า เคล็ดลับสำคัญของการทำงานให้มีความสุขอยู่ที่การรู้จักบทบาทหน้าที่รับผิดชอบของตนเอง รู้จักคิด มองโลกและคนในแง่บวก
รู้จักทำงานกับผู้อื่นอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ผนวกเข้ากับเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ข้อแนะนำที่ผมเสนอมา อาจจะเป็นส่วนน้อยที่พอจะช่วยให้ท่านเลือกนำไปทดลองทำดูได้
ไม่แน่นะครับ
สักสองสามเรื่องที่ผมเอยถึงไป อาจทำให้โลกการทำงานในสายตาของท่าน
เปลี่ยนแปลงไปได้มา ไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่ต้องรอดูก็สบายใจ จริงมั๊ยครับ ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น