แนวโน้มที่ 1 งานสรรหาและคัดเลือกคนทำงาน
จะเข้มข้นมากขึ้นในแทบจะทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรไซส์เล็กไซส์ใหญ่
จะต้องทำงานสรรหาคนเข้าทำงานกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น โดยเฉพาะการสรรหาคนที่ทำงานด้าน IT ที่จะหายากมากมาก
และหาได้ก็ค่าตัวแพงเกินกว่าที่องค์กรอยากจะได้ ทำไมหรือ ? ก็เพราะในโลกของธุรกิจปัจจุบัน
อะไรก็ต่างอยู่บนพื้นฐานของการใช้ IT กันทั้งนั้น
และคนกลุ่มนี้ก็เป็นจำพวกเบื่อเร็วกับการทำงานสำนักงาน และบางอารมณ์ก็ทำงานกันหนัก
โอกาสที่จะอ่อนล้ากับการทำงานก็มีมาก
และที่สำคัญนั้น คนทำงานกลุ่มนี้
มักมีแนวโน้มที่จะเลือกทำงานกับองค์กรใหญ่มากกว่า องค์กรขนาดกลางและขนาดเล็ก
หากไม่มีสิ่งดึงดูดอย่างอื่นก็คงยากที่จะหาคนทำงานฝีมือเยี่ยมด้าน IT มาร่วมงาน
แนวโน้มที่ 2 คนทำงานที่มีทักษะ ประสบการณ์ทำงานสูง จะเป็นกำลังคนที่ขาดแคลนในตลาดแรงงาน
ซึ่งจริงจริงก็ขาดมีนานแล้วล่ะครับ แต่ก็จะยังคงเป็นปัญหาของ HR อยู่ต่อไปอีกหลายปี
ความขาดแคลน “คนเก่ง” สะท้อนในทางหนึ่งได้จากการเติบโตของธุรกิจ Head
Hunter หรือ Recruitment
Agency ในเรื่องนี้ ผมอยากแนะนำให้องค์กรของท่านผู้อ่าน
พยายามโปรโมทและพัฒนาฝีมือคนทำงานจากภายในขึ้นมาเพื่อทดแทนความหา “คนเก่ง”
ในตลาดแรงงานได้ยาก นอกจากนี้ ก็อย่าได้ลืมการเชื่อมความสัมพันธ์ในการจ้างงานที่ดีกับโรงเรียน
วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย หรือสมาคมทางวิชาชีพต่าง ๆ
ไว้เพื่อเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานทั้งในวันนี้และอนาคต
สานสัมพันธ์ไว้ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรนี่ครับ !
แนวโน้มที่ 3 ชุมชนจะให้ความสนใจกับการขาดแคลนคนทำงานที่มีทักษะและประสบการณ์สูงมากขึ้นกว่าสมัยก่อน
ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในชุมชน หรือในท้องถิ่น
ก็จะเริ่มลงทุนกับการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพความสามารถเพิ่มมากขึ้น
แนวโน้มที่ 4 การจัดฝึกอบรมและการประเมินผลงานมีแนวโน้มที่จะใช้แนวทางของเกมส์มาปรับกับเครื่องมือหลักที่นิยมนำมาใช้
เพื่อให้ทั้งการฝึกอบรมและการประเมินผลงาน อยู่บนฐานของความท้าทายให้ลอง
สนุกสนานและตื่นเต้น
และได้ผลลัพธ์ที่ตามมาอีกอย่างคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เข้ารับการอบรมและวิทยากร
รวมทั้งความเข้าใจอันดีของผู้ได้รับการประเมินกับผู้ประเมิน ซึ่งก็คือหัวหน้างาน
เพื่อนร่วมงานและกลุ่มอื่นที่ถูกกำหนดบทบาทให้ทำหน้าที่ในการประเมินและแจ้งผลระหว่างกันด้วย ที่กล่าวไปนี้ จะกลายเป็นเครื่องมือยอดฮิตขององค์กรทั้งหลายเพื่อสร้างความรักและผูกพันให้กับคนทำงานยุคนี้ที่นิยมเรียกกันว่า
“Millennial
employees”
แนวโน้มที่ 5 องค์กรจะใช้เครือข่ายทางสังคมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
เพื่อสรรหาบุคลากรหน้าใหม่และฝีมือดีจากภายนอกเข้ามาร่วมงาน
ยิ่งในยุคที่สงครามยิ่งชิงคนเก่งยังไม่จางรอย แต่กลับมาแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นองค์กรทั้งหลายก็ยิ่งขุดหากลเม็ดเคล็ดลับและช่องทางใหม่
ๆ ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดให้ “คนเก่ง” มาสมัครร่วมงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มใหม่นี้
ยังรวมถึงการใช้สื่อเครือข่ายทางสังคมแบบออฟไลน์ภายในองค์กรด้วย
ซึ่งหลายองค์กรมีแนวปฏิบัติในการใช้ช่องทางการสรรหาภายในนี้ ด้วยการให้คนที่กำลังทำงานอยู่
(และต้องมีฝีมือด้วยครับ) แนะนำคนที่ตัวเองรู้จักและการันตีฝีมือได้เข้ามาร่วมงาน
(referral
approach)
แนวโน้มที่ 6 องค์กรก็จะยังใช้คนทำงานน้อย
แต่มุ่งให้ได้งานมากเช่นเดิม หรือนี่ก็คือการ optimize คนทำงานเพื่อให้ทำงานได้เต็มที่
และสามารถสร้างผลงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่องด้วย
หมดยุคที่องค์กรจะให้คนทำงานทำงานแบบ single tasking อีกต่อไป
เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนทำงานแบบเก่า ก็จะไม่รู้อะไรอย่างอื่นที่ควรรู้
กระทั่งเป็นหลุมพรางดักไว้ไม่ให้มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เลยนะครับ
นอกจากนี้ The Herman Group บอกว่า แนวโน้มของการจ้างงานจะยังคงตึงตัวต่อไป
หลายองค์กรจะยังคงตัดลดกำลังคนและจ้างผู้รับเหมาช่วงงานภายนอกมาช่วยทำงาน
อันจะเป็นการตัดลดงบประมาณเรื่องสวัสดิการและค่าตอบแทนอื่นในระยะยาวลง ซึ่งนั่นก็หมายถึงการลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อให้คงความสามารถในการแข่งขั้นได้นั่นเอง
แต่กระนั้น
ฟังเสียงจากผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย หรือแม้แต่ The Herman Group เอง ก็ยังคงอยากให้องค์กรพยายามลดขนาด ปรับรื้อกระบวนการทำงานเสียใหม่
เพื่อจะได้ไม่ต้องตัดลดคน ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจตึงตัวให้ย่ำแย่ลงไปอีก
แนวโน้มที่ 7 การปั่นงาน จะเกิดขึ้นมากหลายในประเทศ ไม่เฉพาะแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
การปั่นงาน เหมือนกับการปั่นหุ้นให้มีราคาเกินจริงนั่นล่ะครับ
การเปลี่ยนงานไปมาของคนทำงานก็มากขึ้น
และความผูกพันต่อองค์กรของคนทำงานก็ลดน้อยถอยลงไปทุกที ซึ่งนั่นก็หมายถึงการที่องค์กรจะต้องทุ่มเททั้งเงินและทรัพยากรอื่นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนงานบ่อยครั้งของคนมากขึ้น
แนวโน้มที่ 8 Herman Group เค้ามองว่า
รัฐบาลใหม่ของเค้าคือ Obama เทอมที่ 2 จะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้นในการจัดสวัสดิการตอบแทนคนทำงานเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดีขึ้น
ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะของการให้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือนายจ้างให้สามารถซื้อประกันภัย/ประกันสุขภาพเพื่อให้ความคุ้มครองลูกจ้างเพิ่มขึ้น
แนวโน้มที่ 9 สมรภูมิการแข่งขันในปี 2013 นี้
จะยังคงต่อสู้กันหนักหน่วงเพื่อช่วงชิงชัยชนะ
แต่ก็จะยังคงมีการว่างงานของคนทำงานสูงมาก ซึ่งส่งผลดีกับธุรกิจที่รับเหมาช่วงงาน
เพราะธุรกิจนี้เป็นตัวเลือกของการปรับลดต้นทุนขององค์กรในระยะยาวได้
และเราก็จะพบผู้เล่นหน้าใหม่ที่เปิดธุรกิจลักษณะนี้มากขึ้นตามลำดับ หรือบางคน ก็เลือกผันออกมาทำงานอิสระ (freelance/self-employed) ไปเสียเลยก็มากเช่นกัน
เราเรียนรู้ข้อมูลแนวโน้มการจ้างงานดังกล่าวมาเพื่อให้เห็น
trend ใหญ่ของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวพ่อของอุตสาหกรรมการเงินและบริการของโลก
ผลดีของมันคือเราสามารถมองคนอื่นเพื่อใช้ประสบการณ์หรือสิ่งที่เค้าเจออยู่
มามองสถานการณ์ของบ้านเราได้ ซึ่งผมมองว่าในภาพรวมนั้น คงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
ซ้ำเรายังมีกระแสของ AEC ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2
ปีข้างหน้าอีก และนั่นก็หมายถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างของโลกการจ้างงาน
เรื่องนี้
HR ทั้งหลายที่ทำงาน Recruit ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
และคิดต่องานสรรหาเชิงกลยุทธ์ให้ได้ผลครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น