วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เรียนรู้เทรนด์การจ้างงาน 9 ประการของสหรัฐอเมริกา

Rieva Lesonsky  ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคลของ The Herman Group ได้นำเสนอข้อมูลการพยากรณ์กำลังคนทำงานและสถานประกอบการ (Workforce/Workplace Forecast) ไว้ในต้นปี 2013 พบว่า สถานการณ์ความต้องการกำลงแรงงานของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในแบบกลยุทธ์ของ “จับตารอ (wait-and-see)”  ซึ่งก็ไม่แตกต่างมากนักกับสถานการณ์การจ้างงานของปีก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้อัตราการว่างงานของกำลังแรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกา คงอยู่ในระดับประมาณ 7% ในปีนี้  พร้อมกันนั้น รายงานของ The Herman Group ยังบอกให้เราทราบด้วยว่า สิ่งที่เป็นแนวโน้มของการจ้างงานในประเทศของเขาสรุปแล้วได้ 9 ประการ ซึ่งน่าสนใจที่จะมาช่วยกันลองวิเคราะห์ดูดังนี้ครับ 

แนวโน้มที่ 1  งานสรรหาและคัดเลือกคนทำงาน จะเข้มข้นมากขึ้นในแทบจะทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรไซส์เล็กไซส์ใหญ่ จะต้องทำงานสรรหาคนเข้าทำงานกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น  โดยเฉพาะการสรรหาคนที่ทำงานด้าน IT ที่จะหายากมากมาก และหาได้ก็ค่าตัวแพงเกินกว่าที่องค์กรอยากจะได้ ทำไมหรือ ? ก็เพราะในโลกของธุรกิจปัจจุบัน อะไรก็ต่างอยู่บนพื้นฐานของการใช้ IT กันทั้งนั้น และคนกลุ่มนี้ก็เป็นจำพวกเบื่อเร็วกับการทำงานสำนักงาน และบางอารมณ์ก็ทำงานกันหนัก โอกาสที่จะอ่อนล้ากับการทำงานก็มีมาก  และที่สำคัญนั้น คนทำงานกลุ่มนี้ มักมีแนวโน้มที่จะเลือกทำงานกับองค์กรใหญ่มากกว่า องค์กรขนาดกลางและขนาดเล็ก หากไม่มีสิ่งดึงดูดอย่างอื่นก็คงยากที่จะหาคนทำงานฝีมือเยี่ยมด้าน IT มาร่วมงาน
แนวโน้มที่ 2  คนทำงานที่มีทักษะ ประสบการณ์ทำงานสูง จะเป็นกำลังคนที่ขาดแคลนในตลาดแรงงาน ซึ่งจริงจริงก็ขาดมีนานแล้วล่ะครับ แต่ก็จะยังคงเป็นปัญหาของ HR อยู่ต่อไปอีกหลายปี ความขาดแคลน “คนเก่ง” สะท้อนในทางหนึ่งได้จากการเติบโตของธุรกิจ Head Hunter  หรือ Recruitment Agency ในเรื่องนี้ ผมอยากแนะนำให้องค์กรของท่านผู้อ่าน  พยายามโปรโมทและพัฒนาฝีมือคนทำงานจากภายในขึ้นมาเพื่อทดแทนความหา “คนเก่ง” ในตลาดแรงงานได้ยาก นอกจากนี้ ก็อย่าได้ลืมการเชื่อมความสัมพันธ์ในการจ้างงานที่ดีกับโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย หรือสมาคมทางวิชาชีพต่าง ๆ ไว้เพื่อเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานทั้งในวันนี้และอนาคต สานสัมพันธ์ไว้ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไรนี่ครับ !
แนวโน้มที่ 3  ชุมชนจะให้ความสนใจกับการขาดแคลนคนทำงานที่มีทักษะและประสบการณ์สูงมากขึ้นกว่าสมัยก่อน ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กในชุมชน หรือในท้องถิ่น ก็จะเริ่มลงทุนกับการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพความสามารถเพิ่มมากขึ้น
แนวโน้มที่ 4  การจัดฝึกอบรมและการประเมินผลงานมีแนวโน้มที่จะใช้แนวทางของเกมส์มาปรับกับเครื่องมือหลักที่นิยมนำมาใช้ เพื่อให้ทั้งการฝึกอบรมและการประเมินผลงาน อยู่บนฐานของความท้าทายให้ลอง สนุกสนานและตื่นเต้น และได้ผลลัพธ์ที่ตามมาอีกอย่างคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เข้ารับการอบรมและวิทยากร รวมทั้งความเข้าใจอันดีของผู้ได้รับการประเมินกับผู้ประเมิน ซึ่งก็คือหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานและกลุ่มอื่นที่ถูกกำหนดบทบาทให้ทำหน้าที่ในการประเมินและแจ้งผลระหว่างกันด้วย  ที่กล่าวไปนี้ จะกลายเป็นเครื่องมือยอดฮิตขององค์กรทั้งหลายเพื่อสร้างความรักและผูกพันให้กับคนทำงานยุคนี้ที่นิยมเรียกกันว่า Millennial employees”
แนวโน้มที่ 5  องค์กรจะใช้เครือข่ายทางสังคมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เพื่อสรรหาบุคลากรหน้าใหม่และฝีมือดีจากภายนอกเข้ามาร่วมงาน ยิ่งในยุคที่สงครามยิ่งชิงคนเก่งยังไม่จางรอย แต่กลับมาแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นองค์กรทั้งหลายก็ยิ่งขุดหากลเม็ดเคล็ดลับและช่องทางใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดให้ “คนเก่ง” มาสมัครร่วมงานมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม แนวโน้มใหม่นี้ ยังรวมถึงการใช้สื่อเครือข่ายทางสังคมแบบออฟไลน์ภายในองค์กรด้วย ซึ่งหลายองค์กรมีแนวปฏิบัติในการใช้ช่องทางการสรรหาภายในนี้ ด้วยการให้คนที่กำลังทำงานอยู่ (และต้องมีฝีมือด้วยครับ) แนะนำคนที่ตัวเองรู้จักและการันตีฝีมือได้เข้ามาร่วมงาน (referral approach)
แนวโน้มที่ 6  องค์กรก็จะยังใช้คนทำงานน้อย แต่มุ่งให้ได้งานมากเช่นเดิม หรือนี่ก็คือการ optimize คนทำงานเพื่อให้ทำงานได้เต็มที่ และสามารถสร้างผลงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่องด้วย หมดยุคที่องค์กรจะให้คนทำงานทำงานแบบ single tasking อีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนทำงานแบบเก่า ก็จะไม่รู้อะไรอย่างอื่นที่ควรรู้ กระทั่งเป็นหลุมพรางดักไว้ไม่ให้มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เลยนะครับ
นอกจากนี้ The Herman Group บอกว่า แนวโน้มของการจ้างงานจะยังคงตึงตัวต่อไป หลายองค์กรจะยังคงตัดลดกำลังคนและจ้างผู้รับเหมาช่วงงานภายนอกมาช่วยทำงาน อันจะเป็นการตัดลดงบประมาณเรื่องสวัสดิการและค่าตอบแทนอื่นในระยะยาวลง ซึ่งนั่นก็หมายถึงการลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อให้คงความสามารถในการแข่งขั้นได้นั่นเอง แต่กระนั้น  ฟังเสียงจากผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย หรือแม้แต่ The Herman Group เอง ก็ยังคงอยากให้องค์กรพยายามลดขนาด ปรับรื้อกระบวนการทำงานเสียใหม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องตัดลดคน ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจตึงตัวให้ย่ำแย่ลงไปอีก
แนวโน้มที่ 7  การปั่นงาน จะเกิดขึ้นมากหลายในประเทศ ไม่เฉพาะแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น การปั่นงาน เหมือนกับการปั่นหุ้นให้มีราคาเกินจริงนั่นล่ะครับ การเปลี่ยนงานไปมาของคนทำงานก็มากขึ้น และความผูกพันต่อองค์กรของคนทำงานก็ลดน้อยถอยลงไปทุกที ซึ่งนั่นก็หมายถึงการที่องค์กรจะต้องทุ่มเททั้งเงินและทรัพยากรอื่นเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนงานบ่อยครั้งของคนมากขึ้น
แนวโน้มที่ 8  Herman Group เค้ามองว่า รัฐบาลใหม่ของเค้าคือ Obama เทอมที่ 2 จะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้นในการจัดสวัสดิการตอบแทนคนทำงานเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ดีขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะของการให้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือนายจ้างให้สามารถซื้อประกันภัย/ประกันสุขภาพเพื่อให้ความคุ้มครองลูกจ้างเพิ่มขึ้น
แนวโน้มที่ 9  สมรภูมิการแข่งขันในปี 2013 นี้ จะยังคงต่อสู้กันหนักหน่วงเพื่อช่วงชิงชัยชนะ แต่ก็จะยังคงมีการว่างงานของคนทำงานสูงมาก ซึ่งส่งผลดีกับธุรกิจที่รับเหมาช่วงงาน เพราะธุรกิจนี้เป็นตัวเลือกของการปรับลดต้นทุนขององค์กรในระยะยาวได้ และเราก็จะพบผู้เล่นหน้าใหม่ที่เปิดธุรกิจลักษณะนี้มากขึ้นตามลำดับ หรือบางคน  ก็เลือกผันออกมาทำงานอิสระ (freelance/self-employed) ไปเสียเลยก็มากเช่นกัน 
เราเรียนรู้ข้อมูลแนวโน้มการจ้างงานดังกล่าวมาเพื่อให้เห็น trend ใหญ่ของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวพ่อของอุตสาหกรรมการเงินและบริการของโลก ผลดีของมันคือเราสามารถมองคนอื่นเพื่อใช้ประสบการณ์หรือสิ่งที่เค้าเจออยู่ มามองสถานการณ์ของบ้านเราได้ ซึ่งผมมองว่าในภาพรวมนั้น คงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ซ้ำเรายังมีกระแสของ AEC ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้าอีก และนั่นก็หมายถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างของโลกการจ้างงาน 

เรื่องนี้ HR ทั้งหลายที่ทำงาน Recruit ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และคิดต่องานสรรหาเชิงกลยุทธ์ให้ได้ผลครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น