ผมไม่ได้พูดให้กลัวหรือเป็นกังวลหรอกครับ
ผู้รู้ท่านบอกไว้ว่า คนที่มีแนวโน้มว่าจะเติบ...โตในหน้าที่การงาน
มักจะไม่ค่อยดูนาฬิกาเมื่อเวลาใกล้เลิกงานตอนเย็นสักเท่าใด
แต่เขามีแนวโน้มทึ่จะบุกบั่นนั่งทำงานต่อไปจนกว่างานที่ตั้งเป้าหมายที่จะทำในวันนั้นจะเสร็จ
หรือจนกว่างานเร่งด่วนจะพร้อมส่งมอบตามที่รับปากไว้
ที่ว่า “คนที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตในหน้าที่การงาน
มักจะไม่ค่อยดูนาฬิกาเมื่อเวลาใกล้เลิกงานตอนเย็น” ก็เป็นเพราะคนที่คอยดูเวลาใกล้เลิกงานเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านนั้น
ย่อมถอดใจออกจากงานในวันนั้นแล้ว และผมเองก้อพบประสบการณ์จากตัวเองในบางครั้ง
และสังเกตคนรอบข้างในหลายโอกาสว่า คนที่มีพฤติกรรมแบบนี้
มีแนวโน้มที่จะไม่ให้ความสนใจกับการปรับปรุงงานของตัวเองมากนัก
ทำงานเพียงแค่ในงานประจำวันที่รับผิดชอบเท่านั้น
แต่แม้ว่างานจำเสร็จลงได้เพราะงานอาจจะไม่ได้ซับซ้อนมากไปนัก แต่คุณค่าที่ให้กับองค์กรก็น้อยลงไป
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มองดูนาฬิกาเมื่อใกล้เลิกงานจะไม่มีแนวโน้มที่จะเติบโตหรอกครับ
ด้วยเพราะคนเรานั้น ย่อมมีภารกิจส่วนตัวที่ต้องไปจัดการ
และเรื่องสมดุลชีวิตในการทำงานก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือแปลกประหลาดที่จะพูดถึงในปัจจุบัน
ยิ่งสำหรับคน Gen-Y ซึ่งเริ่มเป็นคนกลุ่มใหญ่และคนกลุ่มใหม่ของประชากรในองค์กร
ยิ่งคิดเรื่องแบบนี้มากขึ้น
และหากท่านผู้อ่านจะตีความที่ว่าคนที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตในหน้าที่การงาน
มักจะไม่ค่อยดูนาฬิกาเมื่อเวลาใกล้เลิกงานตอนเย็นอย่างเคร่งครัด
ก็คงดูจะสุดโต่งเกินไป มองแบบกลาง ๆ และคิดใคร่ครวญกันสักนิดดีกว่า
ในโลกการทำงานจริง
ไม่ได้มีเราเพียงคนเดียวหรอกครับ ยังมีคนที่เค้าคอยแข่งขันและ
คาดหวังที่จะเติบโตเหนือกว่าเรา (แต่ไม่บอกเรา)
มีหัวหน้าที่คอบสอดส่องพฤติกรรมเพื่อให้ทำงานคุ้มค่าเงินตามที่องค์กรได้จ่ายว่าจ้างเราทำงาน
เรื่องเล็กน้อยที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร
มันก็เป็นเรื่องไปให้คุยทุกทีเวลาที่ปรับเงินเดือนประจำปี
ซึ่งมักจะอิงเอาพฤติกรรมการทำงานประกอบการพิจารณา ท่านว่าจริงมั้ยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น