เรื่องก่อนหน้า
ผมได้พูดถึงคุณค่าความสำคัญของการทำงานแบบโฟกัส และการทำงานทีละเรื่อง
อันจะช่วยให้ท่านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมไปแล้ว
เชื่อว่าท่านผู้อ่านจะเห็นพ้องด้วยกับที่นำเสนอไป โดยอยากชวนให้ท่านผู้อ่านใช้เวลาสักนิดกับการไตร่ตรองถึงคุณค่าของการทำงานอย่างโฟกัส
เผื่อจะได้มุมมองของคุณค่าการทำงานอย่างโฟกัสมากกว่าที่ผมกล่าวไป
คราวนี้
หากท่านผู้อ่านอยากเปลี่ยนแปลงการทำงานการที่จะทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แล้วล่ำก็ ผมขออ้างอิงข้อคิดที่น่าสนใจของ Leo Babauta จากหนังสือเรื่อง “The Power of Less” ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2009 โน่น ซึ่งเสนอให้เราโฟกัสกับเรื่อง 4
อย่างเพื่อให้งานที่ทำมีประสิทธิภาพมากขึ้นดังต่อไปนี้
คำคำนี้บ้างก็เรียกในภาษาไทยว่า
“มุ่งเน้น” บ้างก็เรียกว่า “จดจ่อ”
เอาเป็นว่าผมขอทับศัพท์ไปเสียเลย ยังพอเข้าใจกันได้อยู่
การทำงานอย่างโฟกัสนั้น
ช่วยให้งานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเหตุหลายประการกล่าวคือ
โฟกัสกับเป้าหมายงาน : เป็นความจริงที่หากเราพยายามใจจดใจจ่อกับเป้าหมายอันใดอันหนึ่ง
และทำมันจนเคยชินติดเป็นนิสัยแล้ว
เราก็จะบรรลุเป้าหมายในสิ่งที่จดจ่อนั้นได้ท้ายที่สุด
หรือหากจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคแล้ว สิ่งหนัก ๆ
ก็จะคลี่คลายลงโดยไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง
เพราะการโฟกัสจะช่วยให้เราเรียบเรียงเรื่องราว และทำทีละเรื่องให้เสร็จ
พร้อมกับไปต่อภาพใหญ่ให้สำเร็จลงได้นั่นเอง
โฟกัสกับงานตรงหน้า : ผมคิดว่าคนทำงานแทบจะทุกคนล้วนอยากทำงานออกมาให้ดี ให้ราบรื่นไหลปรื๊ด (flow) ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้
หากท่านเคยโฟกัสอยู่กับงานจนลืมเวลาเลิกงาน ยิ่งทำยิ่งเพลิดเพลิน
ท่านย่อมจะจำได้ถึงความรู้สึก happy กับงานที่ทำตรงหน้า อารมณ์แบบนี้เองที่มักจะเกิดจากการที่เราโฟกัสกับงานตรงหน้า
หากอยากให้สมองโปร่งและโล่งใจแล้ว
จงกำจัดทุกอย่างที่ชวนให้ไขว้เขวออกไปจากงานตรงหน้าให้หมด และนึกเสมอว่าสิ่งที่ควรทำกับงานของเรามีอย่างเดียวเท่านั้นคือ “สนใจแต่ในสิ่ง
(งาน) ที่อยู่ตรงหน้า” ครับ
โฟกัสกับปัจจุบัน :
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนึกถึงแต่เรื่องเก่า
ๆ โดยเฉพาะความคับข้องใจหรือไม่สมหวังในวันวาน เพราะมันผ่านมาแล้วไม่หวนกลับ
ในทางหนึ่งการคิดถึงเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็ยังเป็นอะไรที่ยากเกินควบคุม จึงมีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่ท่านจะต้องทำมันออกมาให้ดี
โฟกัสกับความคิดเชิงบวก : ผมได้เรียนรู้มาว่า การคิดอะไรแบบลบ ๆ
มักจะกัดกร่อนความมั่นใจและทำให้เราทดท้อลงไปได้มาก
จากที่เคยมุ่งมั่นทำงานให้สำเร็จก็อาจจะกลายเป็นล้มเหลวไปได้โดยง่าย
ตรงกันข้ามกับเวลาที่เราโฟกัสในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยคิดแบบบวก
ๆ จะช่วยให้เรารู้สึกดีดีกับสิ่งนั้น และพยายามทำมันจนประสบความสำเร็จ
โดยมุ่งผลงานให้ออกมาดีลิศ (เท่าที่จะทำได้) อีกด้วย
จึงควรเรียนรู้ที่จะหาแง่มุมดีดีของสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตการทำงานมากกว่าที่จะจนปลักอยู่กับความคิดแบบลบ
ๆ ที่ไม่ประเทืองหัวใจแต่อย่างใดดีมั้ยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น