เพื่อไขประเด็นนี้ เราขอเล่าเรื่องของห่านป่าไซบีเรียซึ่งได้นำไปเป็นกรณีศึกษาเพื่ออภิปรายถึงลักษณะการทำงานเป็นทีมและการนำทีมงานในหลักสูตร “การนำทีมสู่ผลลัพธ์อันเป็นเลิศ (Team Leading for High Results)” ในคราวที่ไปเป็นวิทยากรให้กับหลายองค์กรให้ท่านได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน
เล่าเรื่องของห่านป่าไซบีเรีย
เรื่องของห่านป่าไซบีเรียมีอยู่ว่า “ในช่วงฤดูหนาวห่านป่าไซบีเรียจะพากันอพยพย้ายถิ่นฐานเพื่อไปหากินในทำเลใหม่ที่อบอุ่นกว่า เนื่องจากในอาณาบริเวณแถบไซบีเรียนั้นเต็มไปด้วยน้ำแข็ง อากาศหนาวจนอุณหภูมิติดลบจนหากินลำบากและไม่มีอาหารหลงเหลือเพียงพอสำหรับรองรับความเป็นอยู่ แต่ในการบินอพยพดังกล่าวนี้ ห่านป่าจะบินกันไปเป็นฝูงร่วมหลายร้อยตัวด้วยระยะทางการบินหลายร้อยไมล์ พวกห่านป่าจะพากันบินด้วยความเร็วอย่างสม่ำเสมอและไม่ได้หยุดพักผ่อน ณ บริเวณใดที่บินผ่านเลยแม้แต่นิดเดียว ด้วยความที่อาหารและพละกำลังที่จำกัด พวกมันมีวิธีการทำการกันอย่างไรจึงไปถึงเป้าหมายได้
นักวิทยาศาสตร์ที่ติดตามพฤติกรรมการบินอพยพของห่านป่าพบว่าห่านป่านั้นมีวิธีการบินที่กางปีกเป็นรูปตัว V (V Formation) ห่านที่เป็นจ่าฝูงจะบินนำห่านตัวอื่นๆ เพื่อต้านกระแสลมและลดแรงกระแทกจากลมที่พัดเข้ามาตลอดระยะการบิน ซึ่งพบว่าการบินแบบนี้จะช่วยให้ประสิทธิภาพทางการบินสูงขึ้นถึง 71% มากกว่าที่ห่านตัวใดตัวหนึ่งจะบินกันอย่างกระจัดกระจายหรือบินไปตัวเดียวหรือบินเดี่ยวๆ
ด้วยระยะทางที่ยาวไกลหลายร้อยไมล์ จึงเป็นไปได้เสมอว่าจะมีห่านตัวใดตัวหนึ่งในฝูงรู้สึกเหนื่อยหรือบินด้วยความเร็วที่ และบินต่ำลงจากระดับการบินปกติของฝูง ในกรณีเช่นนี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าห่านจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการให้ผ่านตัวที่อ่อนแรงไปบิน พยุงตัวหรือพักผ่อนอยู่ด้านหลังของแถว ซึ่งใช้กำลังและแรงในการบินน้อยกว่าการบินของห่านในตำแหน่งอื่น ๆ ในขณะที่ห่านตัวอื่นๆ ที่ยังแข็งแรงจะยังคงบินในตำแหน่งด้านหน้า เพื่อรับกับการฝ่าแรงของกระแสลมตลอดระยะเส้นทางที่ยาวไกล
ด้วยเหตุที่ห่านป่าจ่าฝูงได้รับแรงกระทบจากลมสูงที่สุด จึงกลายเป็นห่านที่เหนื่อยที่สุดในเส้นทางการบินอันยาวไกล ในกรณีเช่นนี้ ฝูงห่านจะบินสลับกันไปมาระหว่างตำแหน่งในฝูงและตำแหน่งจ่าฝูงซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้แรงและพละกำลังมากที่สุดเพื่อให้จ่าฝูงได้สลับไปพักผ่อนบ้าง
และเมื่อมีห่านป่าในฝูงตัวใดเจ็บป่วย ฝูงห่านป่าจะส่งห่านบางตัวไปคอยบินประกบจนกระทั่งมั่นใจว่าห่านตัวที่เจ็บป่วยนั้นหายเป็นปกติก็จะบินกลับเขามาสู่ฝูงในตำแหน่งท้ายของตัว V ของฝูง แต่หากห่านตัวหนึ่งใดนั้นเจ็บป่วยมากจนถึงขั้นเสียชีวิต ห่านบางตัวที่ได้รับมอบหมายจากฝูงมาเฝ้าจะดูแลจนกว่าห่านตัวนั้นจะตายจากกันไป
นอกไปจากนี้ในขณะทำการบิน ห่านป่าเหล่านี้จะส่งเสียงร้องเพื่อให้กำลังใจกันไปตลอดทาง
จนกระทั่งพวกมันบินไปถึงจุดหมายปลายทาง”
และลองคิดดูสิครับว่าลักษณะการเป็นทีมที่ดีที่สะท้อนออกมาจากเรื่องเล่าข้างต้นเป็นอย่างไรบ้าง !!!
เรื่องของห่านป่าที่เล่ามานี้ ได้รับการนำมาอธิบายเป็นทฤษฎีผู้นำโดย Leonard Yong ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ สถาบัน IITD ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากห่านป่านี้สะท้อนถึงลักษณะของการทำงานเป็นทีมในหลายประการได้แก่ การมีเป้าหมายกำหนดไว้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความรับผิดชอบต่อตำหน่งหน้าที่ของแต่ละคนทั้งหัวหน้าทีมและสมาชิกทีม การให้ความช่วยเหลือ ประคับประคองและดูแลซึ่งกันและกัน การผลัดกันเป็นผู้นำและเป็นผู้ตามโดยมุ่งหมายผลลัพธ์ภายใต้เป้าหมายเดิม รวมทั้งการให้กำลังใจในระหว่างที่บินอันเสมือนกับการกระตุ้นให้สมาชิกทีมมีแรงจูงใจในการทำงานต่อไปแม้จะประสบกับความยากลำบากจากการทำงานนั้นก็ตาม
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น