วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรื่อง 4 อย่างที่ HR น่าจะต้องทำ

เมื่อช่วงวันคล้ายวันเกิดของผมที่ผ่านมา หลังจากที่ได้จัดกิจกรรมเล็ก ๆ  ในครอบครัวเรียบร้อย ผมกลับมานั่งคิดทบทวนตัวเองว่านี่เราแก่ขึ้นอีกหนึ่งปี ชีวิตในการทำงานในอาชีพ HR ที่เลือกทำเป็นอาชีพหลักและอาชีพสุดท้ายนั้นก้าวไปถึงไหนแล้ว พร้อมกับได้ฉุกคิดว่าตลอดระยะเวลาที่เริ่มก้าวเข้ามาทำงาน HR ผมได้รับประสบการณ์อะไรมาบ้าง ซึ่งสรุปแล้วผมค้นพบว่าตลอดเวลาดังกล่าวนี้ ได้เรียนรู้ 4 อย่างที่คิดว่าคนที่เป็นมืออาชีพในงาน HR น่าจะต้องทำ

เรื่องแรก  อ่านหนังสือ HR  ที่กูรูชื่อก้องโลกเขียน นอกเหนือจากการอ่านหนังสือจำพวก know how หรือ how to ในงาน HR ทั้งหลาย ซึ่งมีไม่น้อยตามร้านหนังสือ ทั้งที่เขียนโดยนักวิชาการเต็มเวลา นักวิชาการอิสระ และบุคลากรที่ผ่านประสบการณ์ในการทำงาน HR  ผมยังแนะนำให้ท่านได้อ่านคือหนังสือชื่อก้องโลกที่เขียนออกมาจาก Practices หรือแนวปฏิบัติของบริษัทชั้นนำ จากงานวิจัยอย่างลุ่มลึกและศึกษาค้นคว้าอย่างทุ่มเทของผู้เขียน ที่จะช่วยเปิดโลกความคิดและมุมมองใหม่ ๆ ในงาน HR  ให้แก่ท่านทั้งหลาย หนังสือเหล่านี้ได้แก่ Global HR (Claus Lisbeth) HR Strategy และ HR Transformation (Dave Ulrich กับคณะ) HR Metric (Jon Boudreau & Wayne Cascio) กับที่อยากแนะนำอีกเล่มคือ Organizational Development (Mehrdad Baghai) อย่างไรก็ดี ท่านก็ไม่ควรอ่านเพียงขึ้นชื่อว่าได้อ่าน หรืออ่านแบบผ่าน ๆ เท่านั้น ควรจะได้เก็บเอาแนวคิดหลัก (key thoughts) มาไว้เป็นแง่คิดในการนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับงานที่ท่านทำต่อไป
เรื่องที่สอง  หาอ่านวารสารในสาขาใกล้เคียงกับ HR แม้ HR จะไม่ใช่หน่วยงาน Core Business หรือหน่วยงานที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ แตกต่างกับหน่วยงาน Sales หรือ Marketing หรือ Engineering แต่ทุกวันนี้ HR ก็ยืนหยัดอย่างสง่าผ่าเผยกับบทบาทของการทำงานหลังบ้าน และก้าวเข้าไปทำงานเชิงกลยุทธ์ร่วมส่วนกับหน่วยงานหลักขององค์กรมากขึ้นตามลำดับ
ไม่เพียงแต่ท่านควรสนใจหาอ่านความรู้ที่หลากหลายจากวารสารด้าน HR ที่มีวางขายทั่วไป หรือต้องบอกรับสมาชิก เช่น วารสารของ PMAT หรือสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย หรือวารสารด้านกฎหมายและการบริหารงานบุคคลของธรรมนิติ  วารสารของสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ไม่มีโฆษณาแอบแฝงนะครับ เพียงแต่อยากจะบอกเล่าของจริงเท่านั้น) เท่านั้น ท่านยังควรค้นคว้าหาความรู้ใหม่ ๆ จากวารสารต่างประเทศ ที่น่าสนใจก็ได้แก่ HBR (Harvard Business Review), HR Magazine และ HRO Today เป็นต้น ซึ่งมีให้หาอ่านได้ตามห้องสมุดของมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งหลาย แบบไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ
วารสารด้านอื่นที่ท่านผู้อ่านควรหามาอ่านได้แก่ วารสารเกี่ยวกับสภาพการณ์ทางสังคมและเศรษฐกิจ  วารสารแรงงานสัมพันธ์  วารสารด้านกฎหมายแรงงานและกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งเป็นกฎหมายภาคบังคับที่ HR จำเป็นต้องรู้ นอกเหนือไปจากวารสารด้าน HR ที่ผมกล่าวถึง  ขอให้ท่านอ่านไว้ให้เข้าใจ อย่างน้อยที่สุด เผื่อเจ้านายขอคำปรึกษา จะได้หาหรือมีข้อมูลมาตอบได้ และ หากให้เจ๋งกว่านั้น ข้อมูลเหล่านี้อาจจะต้องนำมาใช้วางแผนเพื่อรับมือกับอนาคตอันใกล้ในงาน HR ได้การวางแผนกำลังคน (Manpower Planning) เป็นต้น  
เรื่องที่สาม  เข้าไปร่วมกิจกรรมในสมาคมทางวิชาชีพ อีกบทเรียนหนึ่งที่ผมเรียนรู้มาก็คือ ข้อดีหรือจุดแข็งอย่างมากของการเป็นสมาชิกกับเครือข่ายทางวิชาชีพเช่น สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เป็นต้นคือ ช่วยให้ผมมีเครือข่ายการทำงานกว้างขวางมากขึ้น ได้มีโอกาสพบปะผู้คนในสายอาชีพอื่นในกิจกรรมการอบรม/สัมมนาอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งได้รับเชิญจาก PMAT และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งจัดหลักสูตรอบรมร่วมกับ PMAT ไปเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนความรู้ในหลักสูตรด้านการจัดการงานบุคคลหลายครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นเวทีที่ทำให้ได้รู้จักเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ทำงานในวงการ HR อีกมากโข
เรื่องสุดท้าย ใช้พลังของ HR  ในทางบวก  ไม่ได้หมายถึง HR จะต้องมากลายร่างเป็นเจไดเหมือนในหนังเรื่องสตาร์วอส์หรอกครับ แต่หมายถึง HR เรานั้น ทำงานเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ ของเพื่อนพนักงาน สมดุลกับความเติบโตขององค์กร งานของเราเกี่ยวข้องกับการร่วมวางแผนให้คนเติบโตในอาชีพการงาน และฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการทำงานอย่างเป็นระบบ เกี่ยวกับเรื่องของการจัดโครงสร้างเงินเดือนค่าตอบแทนและสวัสดิการเพื่อให้แข่งขันได้กับตลาดแรงงาน และช่วยการันตีให้ได้คนทำงานที่สร้างผลิตภาพให้กับองค์กรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังต้องช่วยให้เพื่อนพนักงานทำงานอย่างปลอดภัย มีอาชีวอนามัยที่เหมาะสม และทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดี เอื้อต่อการทำงานหนัก สร้างสรรค์ผลงาน (อุทิศตัว) ให้กับองค์กร โดยมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ไม่ขาดไม่เกินจนสูญเสียความสัมพันธ์ในครอบครัว เป็นต้น ซึ่งผมจะไม่ไล่เรียงรายละเอียดของขอบข่ายงานหรอกครับ
หน้าที่เกี่ยวกับคนที่ HR  จะต้องทำเหล่านี้ ท่านต้องทำให้ได้ดี อันจะทำให้ได้รับผลทางบวกตามมาคือความชื่นชมทั้งจากพนักงาน ตลอดไปจนถึงครอบครัวที่พนักงานต้องเลี้ยงดูอีกด้วย งานแบบนี้ แม้จะปิดทองหน้าพระบ้าง หลังพระบ้าง คิดไปแล้วก็น่าภูมิใจครับ
แต่จะทำงาน HR ให้ได้ดีสมดังใจ ในสมองของเราต้องมีอะไรดีดีไว้เป็นต้นทุนเพื่อต่อยอดการทำงานอย่างแน่แท้  ซึ่งสิ่งเหล่านี้หามาได้จากการอ่านบวกเข้ากับประสบการณ์การทำงานที่จะช่วยให้ทักษะสำหรับทั้งวันนี้และวันหน้าครับ
ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน