วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทักษะการเป็นนักแก้ปัญหา (Problem-Solver Skills)

ตลอดช่วงชีวิตไม่ว่าจะยาวหรือสั้นของคนเรา  สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามหลักความเป็นจริงของชีวิต ไม่ใช่ความไม่แน่นอนเพียงอย่างเดียว แต่ปัญหาเป็นเรื่องหนึ่งที่ถึงเราไม่อยากพบเจอต้องหลบไม่พ้นที่มันจะสิ่งมาหา ไม่ทางตรงก็โดยทางอ้อม  ไม่ว่ามากก็น้อย  ช้าหรือเร็ว  เพื่อรับมือกับปัญหา  มนุษย์เราจึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาทักษะของการแก้ไขปัญหา ซึ่งมีลักษณะเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ขึ้น  การแก้ปัญหาเป็นเรื่องของทางเลือก แนวทางปฏิบัติและยุทธวิธีในการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
 

 ปัญหาคืออะไร.... 

ปัญหา โดยทั่วไปก็คือ ข้อสงสัย คำถามเกี่ยวกับเรื่องราว สถานการณ์ หรือบุคคลที่ทำให้เกิดความสับสน ยุ่งยาก  ข้อที่ต้องพิจารณาเพื่อแก้ไข หรือเป็นเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดปัญหา เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ซึ่งขัดขวางมิให้งานบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้  

แล้วทักษะในการแก้ไขปัญหาคืออะไรล่ะ.... 

ทักษะในการแก้ปัญหา ในมุมมองของนักทฤษฎีสรุปได้ว่าเป็นกระบวนการทางสมองที่ซับซ้อน โดยเกี่ยวข้องกับการจินตนาการ การจัดกระบวนการคิดเพื่อการกระทำ  รวมไปถึงการรวบรวมความคิด และกระบวนการเพื่อแก้ไขปัญหานั้น  ซึ่งในส่วนของกระบวนการแก้ไขปัญหานั้น ผู้รู้หลายท่านเห็นพ้องกันว่าประกอบด้วย 7  ขั้นตอนสำคัญดังต่อไปนี้

ขั้นแรก  ทำความเข้าใจสถานการณ์  โดยอาศัยข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  มีการรวบรวม จัดระเบียบ หาความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินงานแก้ปัญหาขั้นตอนต่อไป  

ขั้นที่สอง  กำหนดปัญหาให้ถูกต้องและชัดเจน โดยอาจจะใช้วิธีการเล่าเรื่อง หรือการเขียนบรรยายสภาพปัญหาด้วยถ้อยคำสั้น ๆ ที่สื่อสารอย่างตรงประเด็น ได้ใจความ จากนั้นจึงระบุเป้าหมายของสภาพการณ์ที่เราอยากให้เกิดขึ้น ภายหลังจากที่ได้แก้ไขปัญหานั้นไปแล้ว  

ขั้นที่สาม  วิเคราะห์สาเหตุที่สำคัญ โดยอาจจะใช้วิธีการต่าง ๆ ประกอบไปด้วย การตรวจหาสาเหตุ การเลือกสาเหตุที่สำคัญที่นำมาสู่ปัญหานั้น และการระบุสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
 
ขั้นที่สี่  หาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เป็นไปได้ ในขั้นตอนนี้  นักแก้ปัญหาจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด จากนั้น จึงวิเคราะห์ความเป็นไปได้และลดจำนวนวิธีการแก้ไขปัญหาจนคาดว่าจะเหลือวิธีที่เกิดประสิทธิผลมากที่สุด  เทคนิควิธีที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาที่ได้ผลดีนั้นมีหลายวิธี ได้แก่ การทำแผนภูมิความคิดหรือ Mind Mapping การระดมสมอง (Brain Storming)  หรือการใช้เทคนิคเดลฟายแบบปรับปรุง (Modified Delphi Technique)    

ขั้นที่ห้า เลือกวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด จากบรรดาทางเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาที่มี  โดยทำการเปรียบเทียบทางเลือกของการแก้ไขปัญหาทั้งหมดตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ประเมินและเลือกทางเลือกที่เรียกว่า Optimal ที่สุด  

ขั้นที่หก วางแผนการปฏิบัติ  ซึ่งจะต้องมีการกำหนดๆไว้ก่อนว่าจะต้องทำอะไรบ้าง  ใครจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบงานใด หรือกระบวนการทำงานใด  แต่ละขั้นตอนมีกระบวนการในการทำงาน รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง และเป็นจำนวนเท่าใด  

ขั้นที่เจ็ด ติดตามประเมินผล  หมั่นคอยตรวจสอบความคืบหน้าของการทำงานที่ได้วางแผนและปฏิบัติงานไปตามนั้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้ทราบว่ามีปัญหาและอุปสรรคใดที่เกิดขึ้นจากการทำงานหรือไม่  งานสำรเจลงได้ตามเป้าหมายที่ Plan ไว้หรือเปล่า  รวมทั้งการทบทวนว่าปัญหานั้นแก้ไขไปได้โดยสิ้นเชิงแล้วหรือยังอาจจะย้อนกลับมาอีกหรือไม่ 

Edward De Bono  ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหา  ได้เสนอแนวคิดไว้ที่เรียกว่าเป็นยุทธศาสตร์กระบวนการแก้ไขปัญหาสรุปได้  5 ขั้นตอน สรุปได้คือ   

ขั้นแรก  การยอมรับ นักแก้ปัญหาต้องยอมรับในสถานการณ์ แล้วจึงกำหนดขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาขึ้น 

ขั้นที่สอง การวิเคราะห์ ว่าไปแล้ว ก็คือ การแยกแยะสถานการณ์ต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นเป็นส่วน ๆ โดยแบ่งแยกออกเป็นปัญหาเดิม และปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น โดยการมองให้ลึกในสถานการณ์นั้น  

ขั้นที่สาม การเปรียบเทียบ เป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์ใหม่กับสถานการณ์เก่าที่มีความคุ้นเคย เพื่อค้นหาว่าความรู้ในเรื่องหนึ่ง ๆ  สามารถถ่ายทอดไปสู่อีกเรื่องหนึ่งได้  โดยมีลักษณะเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความพยายามและการฝึกฝนเป็นอย่างดี เพื่อดึงเอาความเหมือนกัน ความแตกต่างกันของสถานการณ์ที่กำหนด และสถานการณ์ที่มีอยู่    

ขั้นที่สี่  การคัดเลือกและการตัดสินใจ  - เป็นการคัดเลือกและตัดสินใจว่าลักษณะของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะใช้วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไรจึงจะเหมาะสม  ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราจะผสมผสานเอาทักษะและวิธีการในการแก้ไขปัญหาที่หลากหลายเข้าไปเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง และจะยิ่งต้องอาศัยทักษะที่ซับซ้อนจากกลุ่มเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่มีความยุ่งเหยิง หรือมีความเกี่ยวพันกับหน้าที่งานมากมาย  นักแก้ปัญหาจึงจะต้องพิจารณาว่า ทักษะในการแก้ไขปัญหาที่แยกย่อยออกตามแต่ละเรื่องหรือสาเหตุของปัญหานั้นเป็นอย่างไร  รวมทั้งจะสามารถบูรณาการปัญหาเพื่อแก้ไขแบบ comprehensive ได้อย่างไร   

ขั้นที่ห้า  การสร้างทางเลือกที่ชัดเจน  -  เป็นกระบวนการของการสร้างแนวคิดใหม่ เพื่อที่จะหารูปแบบในการแก้ไขปัญหาหรือมองทิศทางของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น แม้จะมีการแก้ไขปัญหาและได้ผลในระดับหนึ่งหรือทั้งหมดแล้วก็ตาม ข้อสำคัญประการหนึ่งที่  

เดอ โบโน เตือนสตินักแก้ปัญหาไว้คือ  การแก้ไขปัญหาที่ดีนั้น ต้องหลีกเลี่ยงการยึดติดกับวิธีการตายตัวที่เชื่อว่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหานั้น หากแต่ควรจะต้องคิดว่า การแก้ปัญหาหนึ่งมักมีทางเลือกที่สามารถใช้ได้มากกว่าหนึ่งทาง  และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองว่า ทางเลือกใดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทั้งในแง่ขอความคุ้มค่าต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น  และคุณค่าต่อองค์การ แต่กระนั้น การที่จะให้ผู้แก้ปัญหา คิดหาทางเลือกที่หลากหลายและนำมาใช้นั้น ว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ  จำเป็นที่จะต้องอาศัยการฝึกอบรมและการเรียนรู้ด้วยตนเองและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นควบคู่กันไป     

คราวนี้ ผมจะขอนำเสนอคุณลักษณะของการเป็นนักแก้ปัญหาจากการรวมรวมแนวคิดข้อเสนอของผู้รู้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศหลายท่าน  

สรุปได้ว่า นักแก้ปัญหานั้น โดยทั่วไป จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดเป็นผลสำเร็จ ซึ่งการที่จะทราบว่า คุณลักษณะของคนอย่างไรที่จะเป็นนักแก้ปัญหาที่ดี เราอาจจะพิจารณาย้อนกลับไปหาความหมายของนักแก้ปัญหาเสียก่อน  

นักแก้ปัญหา กล่าวอย่างสังเขปที่สุดจากความเห็นของ Sutherland ได้ว่าก็คือคนที่มีความเชี่ยวชาญและใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพินิจพิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับปัญหา และขณะเดียวกันเขาเองก็รวบรวมข้อมูลส่วนใหญ่ที่มีความสัมพันธ์กันเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมกับนำมาจัดจำแนกประเภทของปัญหาออกเป็นหมวดหมู่ จากนั้นจึงแยกย่อยปัญหาที่จำแนกนั้นออกเป็นประเด็นเพื่อสืบสาวไปหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น  

นักแก้ปัญหาที่มีความเชี่ยวชาญ จะเป็นผู้ที่สามารถนำเสนอกระบวนการแก้ปัญหา โดยการเชื่อมโยงความคิดของเขาเข้ากับกระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างรวบยอด ประกอบกับการใช้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผล ความสามารถในการวิเคราะห์สารสนเทศหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหานี้เอง จัดได้ว่าเป็นวิจารณญาณของนักแก้ปัญหานั้น ซึ่งแน่นอนว่า นักแก้ปัญหาเอง ก็จะต้องมีพื้นฐานเป็นที่สามารถใช้สติปัญญา พร้อมกับความเชี่ยวชาญที่มีอยู่จากประสบการณ์ และจากการศึกษาเล่าเรียนที่ผ่านมาอย่างเหมาะสม และในทางหนึ่งก็ต้องผสมผสานเข้ากับความรู้และเทคนิควิธีการใหม่ ที่สามารถหรือเชื่อว่าจะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุมเป็นรูปธรรม  

จากนัยนี้เอง ผู้อ่านทุกท่านจะเห็นได้ว่า คุณลักษณะประการสำคัญข้อหนึ่งของนักแก้ปัญหาก็คือ การเป็นผู้ที่พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง รู้จักเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง รับรู้และรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย พร้อมกับนำมาวิเคราะห์สังเคราะห์ จัดระบบความคิดเห็น และเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างสมเหตุสมผล สามารถกำหนดการแก้ไขปัญหาหรือการดำเนินการใดเพื่อเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา ได้ตามเป้าหมาย วิสัยทัศน์ของการแก้ไขปัญหาและขององค์การในภาพรวมตามที่ต้องการให้เป็นครับ

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น